WATCHESSIAM ได้คัดเลือก 5 สุดยอดคอลเลกชั่นนาฬิกา Chronograph Watch ประจำปี 2021 ที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากคุณสมบัติทั้งประวัติความเป็นมา, การออกแบบ, วัสดุ, กลไก อันมีความยอดเยี่ยมและน่าประทับใจ มานำเสนอเพื่อเป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้กับคุณผู้อ่านทุกท่าน ต่อเนื่องจาก 5 Best Diver’s Watch Collection 2021 และ 5 Best Dress Watch Collection 2021
Bulova Lunar Pilot Chronograph Apollo 15 50th Anniversary
หลังจากที่ NASA ประสบความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่แห่งมวลมนุษยชาติ ด้วยการส่งนักบินอวกาศขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในปี 1969 กับโครงการ Apollo 11 ซึ่งทำให้นาฬิกา Omega Speedmaster กลายเป็นตำนานของ Moon Watch มาจนถึงปัจจุบันแล้ว NASA ยังส่งมนุษย์ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งในโครงการ Apollo 15 ซึ่งในครั้งนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากกระจกหน้าปัดของนาฬิกา Omega Speedmaster เกิดหลุดออกมาในขณะปฏิบัติงานบน Lunar Roving Vehicle และทำให้นาฬิกาเสียหาย แต่โชคดีที่ David Scott หัวหน้าทีมสำรวจได้นำ Bulova Chronograph ref. 88510/01 นาฬิกาส่วนตัวของเขา มาใช้งานทดแทนจนปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่านมา Bulova จึงผลิตนาฬิการุ่นพิเศษนี้เพื่อเฉลิมฉลอง 50 ปี แห่งความภาคภูมิใจในครั้งนั้น โดยนาฬิการุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก High Performance Quartz ที่มีความเที่ยงตรงสูงจากความถี่ 262 kHz
Omega Speedmaster Moonwatch Professional Co-Axial Master Chronometer
ในปี 2021 ที่ผ่าน Omega ได้เผยโฉมนาฬิกา Speedmaster Professional เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด เพื่อเป็นการสืบสานตำนาน Moon Watch ตัวจริง ซึ่งนอกจากจะยังคงรูปลักษณ์และรายละเอียดสุดคลาสสิกทั้งหน้าปัด ตัวเรือน และสายนาฬิกา ที่ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจาก Speedmaster 4th Gen. รหัส ST.105.012 ที่นักบินอวกาศ NASA สวมใส่ปฏิบัติภารกิจ Apollo 11 ในปี 1969 แล้ว ยังมีการนำกลไกจักรกลจับเวลาแบบไขลานรุ่นใหม่ล่าสุดในรหัส 3861 ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยตามแบบกลไกในยุคปัจจุบัน อาทิ การใช้วัสดุ Silicon ที่สามารถป้องกันสนามแม่เหล็กได้สูงถึง 15,000 gauss โดยไม่ต้องใช้ Soft Iron และการใช้ Co-Axial Escapement ที่นอกจากจะมีความแข็งแรงทนทานแล้ว ยังมีความเที่ยงตรงในระดับ Master Chronometer อีกด้วย และที่สำคัญ Omega ยังคงผลิตนาฬิการุ่นที่ใช้กระจก Plexi เหมือน Speedmaster รุ่นดั้งเดิม สำหรับแฟนพันธุ์แท้ได้เก็บสะสมกันด้วย
Zenith Chronomaster Revival El Primero A3817
ถ้าพูดถึงนาฬิกาจักรกลจับเวลาแบบ Automatic Chronograph คงไม่มีใครไม่รู้จัก Zenith El Primero อย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากจะเป็นนาฬิกากลไกจับเวลาแบบ Automatic Chronograph รุ่นแรกของโลกแล้ว ยังเป็นกลไกที่ถูกผลิตมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1969 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งถูกนำไปใช้กับนาฬิกาจับเวลาหลากหลายรุ่นของ Zenith ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรุ่น A3817 จากปี 1971 ที่มีความโดดเด่นด้วยหน้าปัดย่อยสำหรับบันทึกเวลาแบบ Tri-Color และสายโลหะ Ladder สุดคลาสสิกจากยุค 1970s ซึ่ง Zenith ได้นำกลับมาผลิตอีกครั้งในแบบ Re-Edition ในปี 2021 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ให้กับนาฬิการะดับตำนานรุ่นนี้ โดยนำรายละเอียดทั้งในส่วนของหน้าปัด ตัวเรือน และสายนาฬิกาจากนาฬิกา El Primero A3817 มาใส่ลงในนาฬิการุ่นนี้ในแบบที่เรียกว่าแทบจะถอดแบบกันออกมาเลยทีเดียว
IWC Pilot’s Watch Chronograph Edition “Tribute to 3705”
สำหรับนาฬิกานักบินที่มีคนจดจำมากที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้น IWC แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกานักบินที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่เป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกให้ผลิตนาฬิกาสำหรับนักบินรบของนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงนาฬิกานักบินระดับมืออาชีพยุคใหม่ ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาอันเที่ยงตรงและแม่นยำ นั่นคือนาฬิกา Fliegerchronograph Keramik ปี 1994 ที่ถูกขนานนามว่า “Black Flieger” Ref.3705 ตัวเรือนผลิตจากวัสดุ Zerconium OxideCeramic สีดำ ซึ่งเป็นหนึ่งในนาฬิกาหายากของโลก จนกระทั่งปี 2021 ที่ผ่านมา IWC ได้นำแรงบันดาลใจการออกแบบของนาฬิกา Black Flieger กลับมาผลิตอีกครั้งในแบบ Limited Edition ที่มาพร้อมกับตัวเรือนวัสดุ Ceratanium® วัสดุผสมที่รวมเอาคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของ Ceramic และ Titanium เข้าด้วยกัน และใช้กลไกจักรกลจับเวลาแบบ In-House ที่ผลิตในโรงงานของ IWC อีกด้วย
Audemars Piguet Royal Oak Chronograph 42mm
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 Audemars Piguet เปิดตัว นาฬิกา ‘Royal Oak Offshore’ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นจับเวลาต่อเนื่องสูงสุด 12 ชั่วโมง ในขนาดตัวเรือนและสายโลหะที่มีความบึกบึนมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จให้กับนาฬิกา ‘Royal Oak’ ต้นตำรับคอลเลกชั่นนาฬิกาสปอร์ตหรูยอดนิยมในยุคปัจจุบัน และในปี 2018 ที่ผ่านมา Audemars Piguet ได้ผลิตนาฬิการุ่นพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี ให้กับ Royal Oak Offshore แบบ Re-Edition ซึ่งผลิตแบบ Limited Edition ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักสะสมและแฟน ๆ ทั่วโลกอย่างแน่นอน ทาง Audemars Piguet จึงนำรายละเอียดของนาฬิกา Royal Oak Offshore รุ่นดั้งเดิม กลับมาใส่ในนาฬิการุ่นมาตรฐานอีกครั้งในปี 2021 อาทิ หน้าปัดสลักลวดลาย ‘Petite Tapisserie’ กับสเกลในหน้าปัดย่อยบันทึกเวลา และปุ่มกดจับเวลาและเม็ดมะยมหุ้มด้วยวัสดุยาง โดยมาพร้อมกับรายละเอียดที่ทันสมัยอย่าง ฝาหลังแบบโปร่งใสสำหรับโชว์กลไก Automatic Chronograph แบบ In-House, เลนส์ขยายวันที่แบบใหม่ และสายนาฬิกาแบบ Interchangeable สำหรับเปลี่ยนสลับสายได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ และยังมีรุ่นตัวเรือน Rose Gold 18K และ Titanium ให้เลือกอีกด้วย