Omega จับมือกับ ClearSpace เพื่อสนับสนุนภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ในการเก็บขยะสุดอันตรายออกจากอวกาศ และในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาแบบแรกที่ถูกสวมใส่บนดวงจันทร์กำลังกลับขึ้นไปยังอวกาศอีกครั้ง หากแต่ในครั้งนี้จะเป็นภารกิจทำความสะอาดครั้งสำคัญ หน้าบทใหม่อันน่าตื่นเต้นในประวัติศาสตร์ที่แสนโดดเด่นซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1965 หลัง Omega Speedmaster ได้รับการรับรองจาก NASA ให้เป็นเครื่องบอกเวลาสำหรับทุกภารกิจที่มีมนุษย์ควบคุม
ด้วยจิตวิญญาณแห่งนักบุกเบิกของแบรนด์ Omega ได้ร่วมมือกับ ClearSpace ในงานเก็บกู้และจัดการดาวเทียมที่ขาดการควบคุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์: งานในระยะที่หนึ่งของโครงการระยะยาวเพื่อสร้างบริการเก็บขยะอวกาศที่สามารถเข้าถึงได้ ในปัจจุบันมีดาวเทียมหลายพันดวงที่โคจรอยู่รอบโลก ส่วนใหญ่เป็นดาวเทียมที่ “การทำงานล้มเหลว” วัตถุอวกาศที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดหรือปะทะเข้ากับดาวเทียมดวงอื่นๆ ความท้าทายครั้งใหญ่ของมนุษยชาติในภายภาคหน้าคือการรักษาอวกาศให้สะอาดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืนในอนาคตและ Omega ก็เฝ้ารอและภูมิใจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของทางออก
มร. Raynald Aeschlimann ประธานและ CEO ของ Omega เอ่ยถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เป็นก้าวย่างที่สมเหตุสมผลของแบรนด์ที่เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจของทั้งการสำรวจอวกาศและการอนุรักษ์โลก” และบรรยายถึงความคิดริเริ่มของ ClearSpace ว่า “หนึ่งในโครงการที่สำคัญ, เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและน่าตื่นเต้นที่สุดตั้งแต่การเริ่มภารกิจ Apollo”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งเดียวที่ Omega ขยายตัวตนนอกเหนือจากฐานะผู้ผลิตเรือนเวลาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านบวก ที่ผ่านมาความร่วมมือระหว่าง Omega กับ GoodPlanet Foundation และผู้ก่อตั้ง Yann Arthus-Bertrand ได้นำไปสู่การรังสรรค์สารคดีหลายชิ้นและโครงการอนุรักษ์ร่วมกันภายใต้คำขวัญ “Time for the Planet” อีกทั้ง Omega ได้สนับสนุน Nekton สถาบันวิจัยไม่แสวงหาผลกำไรที่มีพันธกิจเพื่อปกป้องผืนสมุทรโลกด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากมีส่วนร่วมในการทำความสะอาดแผ่นดินกับท้องทะเล OMEGA ยังมีบทบาทในการทำแผนที่ใต้สมุทรผ่านการสนับสนุน 5 Deeps Expedition ภารกิจทำลายสถิติของ Victor Vescovo เพื่อไปยังจุดที่ลึกที่สุดในโลก ด้วยความร่วมมือในปัจจุบันและการสนับสนุนใหม่ที่เพิ่งประกาศกับ ClearSpace ผู้ผลิตเรือนเวลาสวิสได้ตอกย้ำถึงพันธกิจที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิม ขยายขอบเขตจากก้นสมุทรและบนบกไปสู่ขอบแดนอวกาศที่แน่นขนัด