นอกจาก Blancpain จะได้รับเกียรติให้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขันทำอาหารชื่อดังมากมาย และยังได้เขียนบทความเกี่ยวกับบรรดาสุดยอดร้านอาหารระดับโลกลงในวารสารของแบรนด์ที่ชื่อ Lettres du Brassus แล้วนั้น Blancpain ยังได้เฉิดฉายอยู่บนข้อมือของเชฟชื่อดังมากมายมากว่าสามทศวรรษ และความร่วมมือในในรูปแบบใหม่ครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองพันธมิตรที่งอกงามขึ้นจากแวดวงมิตรสหายจากอดีตจวบจนปัจจุบัน บนเส้นทางที่ประดับประดาด้วยดาวมิชลินกว่า100 ดวง
โดยทั้ง Blancpain และ Michelin Guide ต้องการให้การผนึกกำลังกันในครั้งนี้ เป็นเครื่องเน้นย้ำถึงคุณค่าที่ต่างฝ่ายยึดมั่น อันได้แก่ ความเป็นเลิศ, ความหลงใหลในสิ่งที่ตนทำ รวมถึงฝีมือและความเชี่ยวชาญ โดยความร่วมมือระยะยาวอีกทั้งครอบคลุมในภาพกว้างนี้ จะกลายเป็นหมุดหมายใหม่แห่งวงการศิลปะอาหารชั้นสูง ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดงานกว่า 20 งานรวมถึงมีคู่มือแนะนำร้าน เพื่อเป็นเกียรติแก่เหล่าอาหารชั้นสูง จากเซี่ยงไฮ้ไปถึงปารีส, นิวยอร์ค, โตเกียว และยังอีกมากมายหลายประเทศ
ทั้งการประดิษฐ์เรือนเวลาชั้นสูง (haute horlogerie) และการรังสรรค์อาหารชั้นสูง (haute cuisine) นั้นเป็นศิลปะที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่มาก กล่าวคือคุณภาพของนาฬิกา Blancpain และอาหารชั้นสูงนั้นล้วนต้องอาศัยทักษะการประกอบและการคิดคำนวณสัดส่วนที่แม่นยำ ควบคู่ไปกับการผสมผสานขนบดั้งเดิม การเติมแต่งความคิดสร้างสรรค์ และยังต้องสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง
ช่างประดิษฐ์นาฬิกาและเชฟผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็มีความสามารถในการนำส่วนประกอบและวัตถุดิบต่างๆหลากหลายมาผสมผสานกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ นอกจากนี้เวลายังมีบทบาทสำคัญยิ่งในขั้นตอนการตระเตรียมผลงานอันสุดแสนประณีต ในฐานะที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าแห่งเวลามากว่าสามทศวรรษ Blancpain จึงพร้อมที่ก้าวไปกับ Michelin Guide สู่ภารกิจเฟ้นหาเชฟผู้เปี่ยมด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร
การโคจรมาพบกันระหว่างโลกแห่งเรือนเวลาชั้นสูงและศิลปะการทำอาหารชั้นสูง ซึ่งก็คือการเชื่อมกันระหว่าง Blancpain และโลกของศิลปะแห่งการใช้ชีวิต (Art of Living) นั้นโดดเด่นที่ต่างฝ่ายต่างก็เกี่ยวพันกับศิลปะการสร้างสรรค์ งานฝีมือ ต่างก็การยึดถือคุณภาพของผลงานเป็นสำคัญและต่างก็เชิดชูถิ่นกำเนิดและขนบที่สืบทอดกันมาของตน