Doxa Sub 200 T.Graph Limited Edition กลับมาอีกครั้งในแบบ Steel

ถ้านึกถึงนาฬิกาดำน้ำในยุค 70s เราจะนึกถึงนาฬิการูปทรงแปลกๆ สีหน้าปัดแบบฉูดฉาด Doxa คือหนึ่งในนั้นที่ผลิตนาฬิกาดำน้ำที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง และยังคงเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องนาฬิกาดำน้ำมาตลอด

BaselWorld 2019 ที่ผ่านมา Doxa เปิดตัวนาฬิกา Re-Edition ครบรอบ 50 ปี Sub 200 T.Graph นาฬิกาดำรุ่นดังในอดีตจากปี 1969 โดยนำกลไกจับเวลาไขลานสุดคลาสสิคจากอดีต Vaujoux 7734 ที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีแบบ New Old Stock ตัวเรือน Yellow Gold 18K ผลิตแบบ Limited Edition 13 เรือน ราคา 70,000 USD ถือว่าราคาสูงมากและผลิตน้อยมาก ทำให้คนทั่วไปทำได้แค่มองเท่านั้น 

แล้ว Doxa ก็ไม่ทำให้นักสะสมผิดหวัง ด้วยการเปิดตัว Sub 200 T.Graph Limited Edition กลับมาอีกครั้ง ในแบบตัวเรือน Stainless Steel โดยยังคงรายละเอียดครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทรง Tonneau จากยุค 70s ขนาด 43mm ขัดแต่งตัวเรือนแบบ Brushed สลับกับ Polished ขอบ Bazel steel แบบ dual ที่มีสเกลด้านนอกวัดความลึกหน่วยเป็นเมตร สลักตัวเลขสีส้ม และขอบในจับเวลา 60 นาที สลักกตัวเลขสีดำ ขอบเป็นรอยหยักกันลื่นแม้จะใส่ถุงมือตอนหมุน

หน้าปัดสีส้มสดใสจากยุค 70s มี sub dial วินาทีที่ตำแหน่ง 9 น. และจับเวลาต่อเนื่องสูงสุด 30 นาทีที่ตำแหน่ง 3 น.โดยใช้สีเหลืองสลับดำในวงสีขาวตัดกับเข็มสีส้ม marker แบบแท่ง เข็มชั่วโมง-นาที และเข็มจับเวลาปลายลูกศรสีดำ หยอดสารเรืองแสง super luminova สีเบจให้อารมณ์พรายน้ำหมดอายุแบบนาฬิกาวินเทจ พร้อมวันที่ตรงตำแหน่ง 6น.

ภายในตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไกจับเวลาไขลาน Valjoux 7734 แบบ new old stock ที่เลิกผลิตไปแล้ว ตั้งแต่ช่วง 1980s ความถี่ 18,000vph หรือ 2.5 Hz สำรองพลังงาน 45 ชั่วโมง โดยจุดเด่นอีกอย่างของนาฬิกาเรือนนี้คือ สายเหล็กแบบเมล็ดข้าว เพิ่มความ retro ให้นาฬิกา ใช้ฝาหลังแบบขันเกลียว ดำน้ำลึก 200 เมตร เหมือนรุ่น original และกระจก sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อน

Doxa SUB 200 T.Graph (ref.805.10.351.10) ผลิตแบบจำนวนจำกัด 300 เรือน 
ราคา 4,900 USD เปิดจำหน่ายโดยตรงทาง doxawatches.com ในวันที่ 2 กันยายน 2019 

Initial Thoughts 

ตอนที่เปิดตัว Sub 200 T.Graph Limited Edition Yellow Gold 18K มาในราคาที่แพงกว่า Nautilus หรือ Royal Oak เรือนทอง และผลิตเพียง 13 เรือนเท่านั้น ถ้าไม่รักจริงคงตัดใจซื้อไม่ลง แต่พอทำเป็นตัว steel และเปิดตัวในราคาที่ย่อมเยาว์ลง มีการออกแบบใกล้เคียงตัว Original และใช้กลไก Valjoux 7734 แบบ NOS เหมือนตัวทองคำ ทำให้คนที่สนใจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และคงเป็นนาฬิกาที่นักสะสมต้องเก็บไว้ในคอลเลคชั่นแน่นอน