IWC เปิดตัว Big Pilot’s Watch “Right-Hander” Edition

โดยปกติ นาฬิกาส่วนมากจะมีเม็ดมะยม (Crown) อยู่ด้านขวาเป็นมาตรฐาน เพราะคนส่วนใหญ่ถนัดขวาจะสวมนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย แต่ก็มีหลายแบรนด์ที่ทำ นาฬิกาสำหรับคนที่ถนัดมือซ้าย หรือคนที่ใส่นาฬิกาข้อมือขวา 

IWC เลือกนำ Big Pilot นาฬิการุ่น Flagship ของคอลเลคชั่นนักบินของแบรนด์ มาทำเป็นรุ่นพิเศษ “Right Hander” หรือนาฬิกา “มือขวา” สำหรับผู้ที่ถนัดซ้ายหรือใส่นาฬิกามือขวา และคอลเลคเตอร์ที่ชอบนาฬิกาแปลกๆไม่เหมือนใคร

ตัวเรือน Stainless Steel ขัดด้าน ขนาด 46.2mm หนา 15.6mm หน้าปัดสีเทาเข้ม ขัดแต่งแบบ sun-ray มาร์กเกอร์ตัวเลขอารบิกแบบ paint เข็มชั่วโมง-นาที ทรง Pilot หยอดสารเรืองแสงที่เข็มและมาร์กเกอร์ มีหน้าต่างวันที่ในตำแหน่ง 6 น. แต่ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่า Big Pilot รุ่นปกติ นั่นคือ เม็ดมะยมขันเกลียวทรงหัวหอมขนาดใหญ่ ถูกย้ายมาอยู่ที่ด้านซ้าย พร้อม sub-dial บอกพลังงานสำรองสูงสุด 7 วันที่ถูกย้ายมาด้านซ้ายในตำแหน่ง 9 น. และเพิ่ม sub-dial สำหรับเข็มวินาทีไว้ที่ตำแหน่ง 3 น. แทนเข็มวินาทียาวแบบ Center

ฝาหลังขันเกลียวแบบปิดทึบ ภายในใช้กลไก Pellaton automatic  in-house Cal.52010 ความถี่ 28,800vph (4Hz) สำรองพลังงาน 168 ชั่วโมง หรือ 7 วัน มีชิ้นส่วนภายใน  257 ชิ้น และขัดแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลาย perlage ที่แท่นเครื่อง และ Côstes De Genève ที่สะพานจักร นาฬิกามาพร้อมกับสายหนังวัวสีดำ มีการตอก Rivet โลหะสีเงินย้ำสาย ตามสไตล์นาฬิกานักบิน ใช้กระจก Sappire แบบเคลือบตัดแสงสะท้อนทั้งด้านนอกและด้านใน เนื้อกระจกสามารถทนแรงกดอากาศสำหรับการใช้งานบนเครื่องบิน

IWC Big Pilot “Right Hander” Edition

Ref.IW501012) ผลิตแบบจำนวนจำกัด 250 เรือน

ราคา 496,000 บาท 

วางจำหน่ายที่ประเทศออสเตรเลียและฝรั่งเศส เดือนสิงหาคม 2019 และที่ IWC Boutique และตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เดือนพฤศจิกายน 2019

Initial Thoughts 

ตัวเรือนขนาดใหญ่สมชื่อ Big Pilot ซึ่งคนที่จะใส่นาฬิการุ่นนี้ได้อย่างลงตัว คงต้องมีข้อมือหญ่มากพอสมควร คนข้อมือเล็กๆหรือสาวๆอาจจะต้องวัดใจกันสักหน่อย เพราะป็นนาฬิการุ่นที่แปลกและโดดเด่นสำหรับ IWC เพราะไม่ค่อยจะเห็นแบรนด์นี้ผลิตนาฬิกามะยมซ้ายออกมาบ่อยนัก และใช้เข็มวินาทีแบบ sub-dial ที่ 3 น. ยิ่งทำให้รู้สึกหน้าปัดสมดุลกับ power reserved sub-dial ที่ 9 น. ต้องยอมรับว่าทำให้นาฬิการุ่นนี้สวยกว่ารุ่นปกติ จากราคาป้ายที่สูงกว่ารุ่นปกติไม่ถึง 10% ได้ความแตกต่างหลายจุดแบบเห็นได้ชัด  ทำให้ตัวลิมิเต็ดน่าสนใจเมื่อเทียบกับจำนวนผลิต และความคุ้มค่ากับส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น