Iconic อีกรุ่นนึงของ Patek Philippe ที่มีมานานและมีมาตลอด นั่นคือ Chronograph ซึ่งจะยังคงเอกลักษณ์แบบเดิมเอาไว้ เช่น ระบบไขลาน เลย์เอาท์จับเวลาแบบ 2 วง ถือว่าเป็นแบบคลาสสิค
เริ่มต้นจากยุคกลางเก่ากลางใหม่อย่าง ref.5070 ผลิตในช่วงปี 1998-2009 ใช้กลไกพื้นฐานจาก Lemania 2310 ที่นำมาปรับและขัดแต่งในโรงงานของ Patek เอง จนผ่านมาตรฐาน Geneva Seal ที่ต้องมีทั้งความสวยงาม และเที่ยงตรง
หลังจากที่ Patek ยุติการผลิต 5070 แฟนๆ Patek ก็รอว่าจะมีนาฬิกาจับเวลาไขลานรุ่นใหม่ออกมาหรือไม่ จนในปี 2010 Patek ก็เปิดตัวนาฬิกาจับเวลาไขลานรุ่นใหม่ออกมา ref.5170 ใช้กลไก cal.CH29-535 ที่เป็นกลไกแบบ in-house ที่ผลิตทุกขั้นตอนในโรงงานของ Patek Philippe
โดยเริ่มใช้มาตรฐาน Patek Philippe หรือ PP seal ของตนเอง และดาวน์ไซส์จาก 42mm เป็น 39mm แทน ในช่วงปี 2010-2018 นั้น Patek ผลิต 5170 ต่อเนื่องมาตลอด แต่ก็สลับสับเปลี่ยนวัสดุและสีหน้าปัด
Baselworld 2019 Patek มีการเปลี่ยนแปลงนาฬิกาในไลน์ Iconic ของตนเองอีกครั้งด้วยการเปิดตัว ref.5172G ที่มาพร้อมกับตัวเรือน 18k white gold ปรับขนาดเป็น 41mm หนา 11.45mm
มีการปรับเส้นสายของตัวเรือนใหม่หมด ช่วงขามีการเล่นระดับเป็นขั้นบันได ขอบหน้าปัดมีขนาดเล็กและบางลง เพิ่มสันข้างตัวเรือนให้เด่นชัดขึ้น
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ปุ่มจับเวลาเปลี่ยนจากปุ่มแบนมาเป็นปุ่มกลมแบบคลาสสิค เพิ่มรายละเอียดด้วยการสลักคล้ายใบพัดบนปุ่มกดทั้ง 2 ปุ่ม
หน้าปัดแบบเกรนสีน้ำเงินในโทนสว่างๆสดใส พร้อมสเกล Tachymetre จับเวลาได้เร็วสุดที่ 1000 km/h และสเกลวงจับเวลาสีขาว อ่านค่าได้ง่ายและชัดเจน มาร์กเกอร์เลขอารบิกและเข็มทรงเข็มฉีดยาเหมือนพวกนาฬิกานักบิน white gold หยอดพรายน้ำ super luminova ส่องสว่างในที่มืด วงจับเวลา 2 วงในตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ เข็มวินาทีในตำแหน่ง 9 นาฬิกา ตามแบบนาฬิกาจับเวลาคลาสสิค
กลไกจับเวลาไขลาน cal.CH29-535 in-house ขัดแต่งเครื่องได้สวยงามและเที่ยงตรงตามมาตรฐาน PP seal จับเวลาต่อเนื่องได้ 30 นาที สำรองลาน 65 ชั่วโมง
ราคา 2,361,500 บาท กำหนดการวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ
โดยรวมถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ใหม่หมด จากเดิมที่ดูเป็นเดรสจ๋า เปลี่ยนทั้งทรงของตัวเรือน เข็ม พรายน้ำที่เด่นชัด สีหน้าปัดและสายหนังที่เปลี่ยนจากที่ใช้หนังจระเข้มาเป็นหนังลูกวัวสีน้ำเงินสดใส เดินด้ายสีขาว หรือการเปิดตัวด้วยวัสดุ white gold ทำให้รู้สึกเป็นทางการลดลงแต่ดูสปอร์ตมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Patek เริ่มมีการปรับคอลเลคชั่นคลาสสิคให้เข้าถึงตลาดที่กำลังนิยมนาฬิกาสปอร์ตเหมือนในปัจจุบัน