หลังจากว่างเว้นไปนานถึง 8 ปีเต็ม วัสดุคาร์บอนได้กลับมาปรากฏโฉมอีกครั้งในนาฬิกา Royal Oak Royal Oak Concept Split-Seconds Chronograph GMT Large Date ที่มาพร้อมกับวัสดุ CFT (Chroma Forged Technology) คาร์บอนแบบใหม่ ที่มีน้ำหนักเบาแต่ทนทานต่อการกระแทก ความร้อน และความชื้นได้ดี โดยได้รับการพัฒนาขึ้นภายในทีมวิจัยและพัฒนาของ Audemars Piguet ด้วยระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งกระบวนการผลิตทั้งหมดของวัสดุชนิดนี้ ได้ถูกจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว
สิ่งที่ทำให้วัสดุชนิดนี้แตกต่างไปจากคาร์บอนรุ่นก่อนหน้านี้ก็คือ เทคโนโลยี CFT (Chroma Forged Technology) ของ Audemars Piguet ที่สามารถใส่สีลงไปในวัสดุคาร์บอนได้โดยตรงแทนวัสดุเรซินที่สามารถจัดเรียงรูปแบบของรายละเอียดในชิ้นส่วนได้ตามที่ต้องการและเกิดรอยขีดข่วนได้น้อยลง โดยกระบวนการผลิตประกอบขึ้นด้วยหลายขั้นตอนและต้องอาศัยควาาเชี่ยวชาญระดับสูงที่ต้องตัดชิ้นส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนลงสีด้วยเม็ดสี ต่อด้วยการนำไปวางลงในแม่พิมพ์ด้วยมือ ซึ่งทำให้เกิดเลเยอร์หลายชั้นที่ปราศจากฟองอากาศในรูปแบบที่คล้ายกับขนมอบฝรั่งเศสที่เรียกว่า ‘Mille-feuille’ และนำไปอบด้วยเครื่องอบความร้อนสูงระบบไอน้ำเพื่อให้ภายในแห้งสนิทในระยะเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง และถูกนำไปกลึงให้ได้ชิ้นส่วนในรูปต่างที่ต้องการเป็นระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง ซึ่งชิ้นส่วนตัวเรือนแต่ละชิ้นจะมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
สำหรับตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร หนา 17.4 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร วัสดุคาร์บอน CFT (Chroma Forged Technology) ที่ผสมกับเม็ดสีเรืองแสงสีน้ำเงินในชิ้นส่วนตรงกลาง ประกอบเข้ากับขอบ Bezel แบบ 8 เหลี่ยม วัสดุเซรามิกสีดำ ที่มาพร้อมกับหน้าปัดแบบ Openworked เคลือบสีดำด้วยเทคนิค PVD Nickle Silver ตัดกับสีน้ำเงินขอบหน้าปัดย่อยจับเวลาแบบ Tri-Compax, Tachymeter Scale และปลายเข็มจับเวลาแบบ Split Second โดยมีการวางหน้าต่างวันที่ขนาดใหญ่แบบ Openworked ตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา หลักชั่วโมงและเข็มบอกเวลาวัสดุ Titanium รวมถึงตัวเลขบอกวันที่ และจานบอกช่วงเวลากลางวันกลางคืนสำหรับฟังก์ชั่น GMT มีการเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova ที่ทำงานร่วมกับเข็มบอกเวลาไทม์โซนที่ 2 ในหน้าปัดย่อยตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ด้วยการกดปุ่มที่อยุ่บนเม็ดมะยมตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา โดยใช้กระจกหน้าปัด Sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อน
โครงสร้างหลักของตัวเรือนรวมทั้ง Crown Guard ผลิตจากวัสดุ Titanium ปุ่มกดจับเวลา เม็ดมะยม และฝาหลังทรง 8 เหลี่ยมวัสดุ Ceramic สีดำผนึกแน่นกับกระจก Sapphire โชว์การทำงานของกลไก Automatic Chronograph In-House Cal.4407 ความถี่ 28,800 ครั้ง / ชั่วโมง สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง ที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนมากถึง 638 ชิ้น รวมทั้ง Rotor ขึ้นลานวัสดุ Platinum ที่มีการฉลุตรงกลางเพื่อโชว์การทำงานของชุดกลไก Split Second ที่สามารถจับเวลาพร้อมกันได้ถึง 2 ช่วงเวลา ด้วยปุ่มกดตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกา พร้อมกับระบบ FlyBack ที่สามารถกดจับเวลาได้อย่างต่อเนื่องโดยที่สามารถจับเวลาต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้อง Reset และ Restart ทุกครั้ง รวมทั้งฟังก์ชัน GMT ที่สามารถบอกเวลาในอีกไทม์โซนพร้อมกัน โดยนาฬิกามาพร้อมกับสายยางสีดำและสีน้ำเงินในเซตกับ Folding Buckle ซึ่งสามารถเปลี่ยนสลับสายได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบ interchangeable ของ AP
Audemars Piguet Royal Oak Royal Oak Concept Split-Seconds Chronograph GMT Large Date
Ref.26650FO.OO.D353CA.01
ราคาสอบถามได้ที่ AP House Bangkok
วางจำหน่าย ภายในปี 2024
รายละเอียดเพิ่มเติม audemarspiguet.com
Initial Thoughts
เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสได้สร้างสรรค์วัสดุชนิดใหม่ ๆ หลากหลายชนิด ซึ่ง Audemars Piguet คือหนึ่งในผู้นำด้านการคิดค้นและเสาะแสวงหาวัสดุต่าง ๆ เริ่มต้นจากการยกระดับการนำวัสดุ Stainless Steel มาใช้กับนาฬิกาหรูในปี 1972 ตามด้วยการใช้วัสดุ Tantalum ในปี 1988 วัสดุ Alacrite ในปี 2002 วัสดุ Forged Carbon ในปี 2007 วัสดุ Cermate ในปี 2010 และ BMG (Bulk Metallic Glass) ในปี 2021 จนมาถึง CFT (Chroma Forged Technology) ในปี 2024 ซึ่งเชื่อมั่นได้เลยว่า AP จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำทางด้านวัสดุศาสตร์แห่งวงการนาฬิกาต่อไปต่อไปในอนาคตอย่างไม่หยุดยั้งแน่นอน