ไม่ต้องรอลุ้นกันอีกต่อไปสำหรับแฟน Black Bay เพราะปีนี้ Tudor เปิดตัวนาฬิการุ่นใหมม่ล่าสุด พร้อมกันหลายรุ่นจากตระกูล Black Bay และ Black Bay 58 ทั้งการรีเฟรชรุ่นเดิมและนาฬิการุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกจากงาน Watches & Wonders 2024
Tudor เปิดตัวสมาชิกใหม่ในตระกูล Black Bay ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น GMT ที่สามารถบอกเวลาได้ 2 ไทม์โซน โดยใช้พื้นฐานจากตัวเรือนของรุ่น Black Bay 58 ในขนาด 39 มิลลิเมตร หนา 12.8 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กและบางลงจากรุ่น Black Bay GMT และ Black Bay Pro โดยมาพร้อมกับหน้าปัดสีดำด้านตัดกับชุดเข็มบอกเวลาและเข็ม GMT ทรง Snow Flake เข็มวินาทีทรง Rolipop และหลักชั่วโมงสีทองเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova มีหน้าต่างวันที่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ขอบ Bezel หมุนได้สองทิศทางพร้อม Aluminum Anodized Insert สีดำ-แดง แบ่งโซนเวลากลางวัน-กลางวันด้วยสเกลแบบ 24 ชั่วโมง และใช้กระจกหน้าปัด Sapphire แบบ Dome
นาฬิกาใช้เม็ดมะยมและฝาหลังปิดทึบแบบขันเกลียว กันน้ำลึก 200 เมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-house Cal.MT5450 ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 65 ชั่วโมง และมีความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็กได้มากถึง 15,000 gaus โดยมาพร้อมกับสาย Stainless Steel แบบ 3 Links ในรูปแบบ Rivet ดีไซน์ย้อนยุคของนาฬิกาดำน้ำ Tudor จากยุค 1958 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกาในตระกูลนี้ หรือจะเป็นรุ่นสายยางสีดำและสายยางสีดำที่มาพร้อมกับระบบ ‘T-Fit’ ในบานพับล็อกสายที่สามารถขยายความยาวสายได้อย่างรวดเร็ว
จากงาน Watches & Wonders 2023 ที่ผ่านมา Tudor ได้มีการอัพเดทคอลเลกชัน Black Bay 41 ที่มีการปรับปรุงหลายส่วน ไม่ว่าเป้นในส่วนของเม็ดมะยมแบบวินเทจ จากนาฬิกา Oyster Prince Submariner Ref.7922 จากปี 1954 ซึ่งในรอบนี้มาพร้อมกับ Diving Scale Insert วัสดุ Aluminium Anodize สีดำด้าน เช่นเดียวกับหน้าปัดสีดำด้าน เข็มชั่วโมงทรง Snow Flack เข็มนาทีและเข็มวินาทีแบบ Rollipop และหลักชั่วโมงสีเงิน เคลือบสารเรืองแสง Super Luminova ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire แบบ Dome
ตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 41 มิลลิเมตร หนา 13.6 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 200 เมตร และต้านทานสนามแม่เหล็กได้ในระดับ 15,000 gauss ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.MT5602-U ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer จากสถาบัน COSC และมีสายนาฬิกา Steel ให้เลือกทั้งแบบ 5 Links และ 3 Links ในรูปแบบ Rivet และสายยางสีดำที่มาพร้อมกับระบบ ‘T-Fit’ ในบานพับล็อกสายที่สามารถขยายความยาวสายได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนาฬิกรุ่นใหม่แล้ว ในปีนี้ Tudor ยังได้มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ นั่นคือนาฬิกา Black Bay 58 Yellow Gold 18K หน้าปัดโทนสีเขียว ในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร ที่เหมือนเป็นการต่อยอดนาฬิการุ่นนี้ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2021 ซึ่งในครั้งนั้นนาฬิกามีให้เลือกเฉพาะรุ่นสายหนังจระเข้ากับสายผ้าเท่านั้น แต่มานปีนี้ Tudor ได้อัพเดทให้มาพร้อมกับสายนาฬิการุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับระบบ ‘T-Fit’ ในบานพับล็อกสายที่สามารถขยายความยาวสายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้วัสดุ Yellow Gold 18K เช่นเดียวกับตัวเรือนให้เลือก และยังมาพร้อมกับฝาหลังแบบโปร่งใสขันเกลียวกันน้ำลึก 200 เมตร ที่โชว์กลไก Automatic In-house Cal.MT5450 ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 65 ชั่วโมง และมีความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็กได้มากถึง 15,000 gaus
Tudor Black Bay 58 GMT
Ref.M7939G1A0NRU-0001 Steel
ราคา 171,600 บาท
Ref.M7939G1A0NRU-0002 Rubber
ราคา 163,600 บาท
Tudor Black Bay 41mm Monochrome
Ref.M7941A1A0NU-0001 Steel 3 Links
ราคา 165,600 บาท
Ref.M7941A1A0NU-0002 Rubber
ราคา 157,600 บาท
Ref.M7941A1A0NU-0003 Steel 5 Links
ราคา 169,600 บาท
Tudor Black Bay 58 Yellow Gold 18K
Ref.M79018V-0006
ราคา 1,197,400 บาท
วางจำหน่าย พฤษภาคม 2024
รายละเอียดเพิ่มเติม tudorwatch.com
Initial Thoughts
ปีนี้ Tudor เน้นมาที่คอลเลกชัน Black Bay 58 เป็นหลักมากจริง ๆ เพราะอาจจะเนื่องด้วยกระแสนาฬิกาไซส์คลาสสิกสปอร์ตในขนาด 38-40 มิลลิเมตร เริ่มกลับมาแล้ว และทำให้บรรดานักสะสมและคนที่ชื่นชอบนาฬิกาเริ่มเห็นมามองนาฬิกาไซส์นี้มากขึ้น ซึ่งขนาด 39 มิลลิเมตร จึงเป็นอะไรที่ลงตัว ยังไงแฟน Tudor คงไม่ต้องรออีกนาน เพราะนาฬิการุ่นใหม่ทั้งหมดน่าจะเตรียมให้ได้สัมผัสเรือนจริงกันแล้วเร็ว ๆ นี้