นับเป็นอันเวลายาวนานตั้งแต่ปี 1952 ที่คอลเลคชัน Constellation จาก Omega ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการโคจรอันแม่นยำของดวงดาว และในปีนี้ ธีมแห่งดวงดาวยังคงถูกบอกเล่าผ่านนาฬิการุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับหน้าปัดอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างขึ้นจากวัสดุ Meteorite หรือหินอุกกาบาตอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เปิดตัวมาพร้อมกันทีเดียวใน 4 ขนาดตัวเรือน
เริ่มต้นที่รุ่นตัวเรือน 41 มิลลิเมตร หนา 13.5 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร ผลิตจากวัสดุ All Stainless Steel กับขอบหน้าปัด Ceramic สีดำ แผ่นหน้าปัดอุกกาบาตได้รับการเคลือบแบบ Galvaic ที่ตัดด้วยชุดเข็มนาฬิกา, หลักชั่วโมง กับดวงดาว Constellation ที่เคลือบ PVD สีดำ และนอกจากนี้ยังมีรุ่นตัวเรือนและสายวัสดุ Sedna Gold และ Moonshine Gold ให้เลือกอีกด้วย โดยนาฬิกาในรุ่น All Steell ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.8900 และรุ่นตัวเรือน All Solid Gold ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.8901 ความถี่ 25,200 ครั้ง/ชั่วโมง หรือ 3.5 Hz สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง
ต่อด้วยรุ่นตัวเรือนขนาด 29 มิลลิเมตร หนา 12 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร ประกอบด้วยรุ่นเรือนแบบ All Stainless Steel และแบบ2 tone ที่ผลิตจากวัสดุ Stainless Steel กับ Yellow Gold 18K โดยหน้าปัดอุกกาบาตจะได้รับการเคลือบ PVD ด้วยสีทอง Moonshine™ ซึ่งมอบความเปล่งประกายและเติมเต็มด้วยหลักชั่วโมงกับขอบหน้าปัดประดับเพชร นอกจากนี้ยังมีรุ่นตัวเรือนแบบ Sedna Gold และ Moonshine Gold ให้เลือกอีกด้วย โดยนาฬิกาในรุ่น All Steel และรุ่น 2 tone ขับเคลือนด้วยกลไก Automatic In-house Cal.8700 และรุ่นตัวเรือน All Solid Gold ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.8701 ความถี่ 25,200 ครั้ง/ชั่วโมง หรือ 3.5 Hz สำรองพลังงาน 50 ชั่วโมง
ต่อด้วยตัวเลือกในรุ่นตัวเรือนขนาด 28 มิลลิเมตร หนา 8.5 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร ที่ประกอบด้วยรุ่นตัวเรือน Stainles Steel และแบบ2 tone ที่ผลิตจากวัสดุ Stainless Steel กับ Yellow Gold 18K หรือจะเป็นรุ่น Stainless Steel กับ Sedna 18K พร้อมหน้าปัดอุกกาบาตที่หลักชั่วโมงประดับด้วยเพชรในขณะที่บนฝาหลังแบบปิดทึบถูกติดตั้งด้วยเหรียญ Constellation Observatory ที่ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Swiss Quartz Cal.4061 ที่มาพร้อมกับ battery แบบ Long Life ที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 48 เดือน
ปิดท้ายด้วยรุ่นตัวเรือนขนาด 25 มิลลิเมตร หนา 8.1 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร ที่ประกอบด้วยรุ่นตัวเรือน Stainles Steel และแบบ2 tone ที่ผลิตจากวัสดุ Stainless Steel กับ Yellow Gold 18K หรือจะเป็นรุ่น Stainless Steel กับ Sedna 18K พร้อมหน้าปัดอุกกาบาตที่หลักชั่วโมงประดับด้วยเพชรในขณะที่บนฝาหลังแบบปิดทึบถูกติดตั้งด้วยเหรียญ Constellation Observatory ที่ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Swiss Quartz Cal.4061 ที่มาพร้อมกับ battery แบบ Long Life ที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 48 เดือน
Omega Constellation Meteorite Collection
Ref.131.30.41.21.99.001 41mm Steel
ราคา 358,000 บาท
Ref.131.50.41.21.99.002 41mm Sedna Gold
Ref131.50.41.21.99.001 41mm Moonshine Gold
ราคา 1,567,000 บาท
Ref.131.15.29.20.99.001 29mm Steel
ราคา 481,000 บาท
Ref.131.25.29.20.99.001 29mm Steel + Sedna Gold
Ref.131.25.29.20.99.002 29mm Steel + Yellow Gold
ราคา 594,000 บาท
Ref.131.55.29.20.99.006 29mm Sedna Gold
Ref.131.55.29.20.99.005 29mm Yellow Gold
ราคา 1,247,000 บาท
Ref.131.15.28.60.99.001 28mm Steel
ราคา 337,000 บาท
Ref.131.25.28.60.99.001 28mm Steel + Sedna Gold
Ref.131.25.28.60.99.002 28mm Steel + Yellow Gold
ราคา 434,000 บาท
Ref.131.55.28.60.99.005 28mm Sedna Gold
Ref.131.55.28.60.99.006 28mm Yellow Gold
ราคา 1,020,000 บาท
Ref.131.15.25.60.99.001 25mm Steel
ราคา 312,000 บาท
Ref.131.25.25.60.99.001 Steel + Sedna Gold
Ref.131.25.25.60.99.002 Steel + Moonshine Gold
ราคา 401,000 บาท
Ref.131.55.25.60.99.002 Sedna Gold
Ref.131.55.25.60.99.003 Yellow Gold
ราคา 935,000 บาท
วางจำหน่าย กุมภาพันธ์ 2024
รายละเอียดเพิ่มเติม omegawatches.com
Initial Thoughts
“Muonionalusta” เป็นอุกกาบาตที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก ด้วยอายุกว่า 4.5 พันล้านปี เนื่องจากลวดลายตามธรรมชาติภายในอุกกาบาตโบราณจากห้วงอวกาศ หน้าปัดแต่ละแผ่นจึงมีความเป็นเอกลักษณ์ สำหรับผู้สวมใส่นาฬิกา Omega สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีหน้าปัดของนาฬิกาเรือนใดเลยที่เหมือนกัน และนาฬิกาในคอลเลกชันนี้จะเป็นเหมือนเครื่องบอกเวลาที่เลือกสวมใส่ก็จะช่วยแสดงออกถึงตัวตนของคุณ
