ในปี 1968 ประวัติศาสตร์บทใหม่แห่งมวลมนุษยชาติได้ถูกจารึกขึ้นอีกครั้ง เมื่อภารกิจ Apollo 8 ได้ทำการบินโคจรรอบดวงจันทร์โดยมีมนุษย์ขับเคลื่อนยานเป็นครั้งแรก และบนข้อมือของนักบินอวกาศที่ปฏิบัติภารกิจในครั้งนั้นคือนาฬิกา Omega Speedmaster ซึ่งในปีนี้ Omega ได้ทำการเปิดตัวนาฬิกา Speedmaster Dark Side of the Moon รุ่นใหม่ เพื่อเป็นยกย่องและรำลึกถึงเกียรติประวัติของการปฏิบัติภารกิจทางอวกาศในครั้งนั้น
สำหรับนาฬิกา Speedmaster Dark Side of the Moon รุ่นใหม่นั้น มาพร้อมกับหน้าปัด Aluminium anodized สลักลวดลายพื้นผิวบนดวงจันทร์ที่สามารถมองเห็นได้จากโลกด้วยเลเซอร์ เข็มวินาทีตรงตำแหน่ง 9 นาฬิกา เป็นรูปยาน Apollo 8 เข็มจับเวลาและชุดเข็มบันทึกเวลาสีเหลืองตรงตำแหน่ง 3 และ 6 นาฬิกา หลักชั่วโมงและเข็มชั่วโมง-นาทีสีดำเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova สเกลวินาทีถูกวางสลับเป็นลวดลายตาหมากรุก ขอบ Bezel วัสดุ Ceramic สีดำ สลักTachymeter Scale สีขาวด้วยเทคนิค Grande Feu Enamel ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire แบบ Box เคลือบตัดแสงสะท้อนทั้งสองด้าน
ตัวเรือน ZrO2 Ceramic สีดำขนาด 44.25 มิลลิเมตร หนา 13 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 50 เมตร มีการสลักด้วยข้อความ “WE’LL SEE YOU ON THE OTHER SIDE” อันเป็นประโยคสุดท้ายที่ Jim Lovell ผู้เป็นนักบินประจำโมดูลบัญชาการพูดกับศูนย์ควบคุม ก่อนที่ภารกิจ Apollo 8 จะขาดการติดต่อระหว่างที่เข้าไปเยือนยังด้านมืดของดวงจันทร์เป็นครั้งแรกไว้ที่ฝาหลังแบบโปร่งใส ที่โชว์กลไก Handwound In-house Cal.3869 ความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 50 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชันจับเวลาต่อเนื่องสูงสุด 12 ชั่วโมง ควบคุมการทำงานด้วยกลไก Co-Axial Eascapement Sillicon Hairspring โดยมีการสลักลวดลายพื้นผิวบนดวงจันทร์ในด้านมืดหรือ Dark Side ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากโลก ซึ่งมีเพียงนักบินอวกาศที่ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจโคจรรอบโลกเท่านั้นที่จะมองเห็น นาฬิกามาพร้อมกับสายยางสีดำเจาะรูปแบบ Racing เย็บด้ายสีเหลืองกับ Folding Buckle วัสดุ Ceramized titanium
Omega Speedmaster Dark Side of The Moon “Apollo 8”
Ref.310.92.44.50.01.001
ราคา 527,000 บาท
วางจำหน่าย มกราคม 2024
รายละเอียดเพิ่มเติม omegawatches.com
Initial Thoughts
ก่อนหน้านี้ OMEGA เคยเผยโฉมนาฬิกา Speedmaster Dark Side of the Moon Apollo 8 ครั้งแรก เมื่อปี 2018 เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี ของภารกิจ และนาฬิกาเรือนนี้ จึงเป็นเหมือนการที่แบรนด์ได้หวนย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ด้วยการยกระดับรายละเอียดในการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ร่วมกับการเลือกใช้วัสดุสุดล้ำและเทคนิคการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งของ Omega ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาทิ Speedmaster Dark Side of the Moon Alinghi นาฬิการุ่นพิเศษที่เปิดตัวในปี 2020 ที่ผ่านมา