แบรนด์ URWERK ได้เผยโฉมนาฬิกา “UR-100V PMT The Hour Glass 15th Anniversary” ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของผสมผสานความร่วมมือมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษเพียง 3 เรือน โดยเริ่มต้นที่โทน “สีน้ำเงิน” ที่ประดับประดาด้วยไพลิน ในเฉดสีรอยัลบลู เพื่อสื่อถึงความประทับใจที่ผู้ก่อตั้ง URWERK มีต่อความงดงามของประเทศไทย ที่ซึ่งเขามีโอกาสได้มาเยือนหลายต่อหลายครั้ง และยังตั้งใจสื่อถึงความสง่างามและความบริสุทธิ์ในคราวเดียวกัน ต่อด้วยโทน “สีเขียว” สีแห่งความสงบสุข สื่อถึงความรู้สึกแรกที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ URWERK มาถึงแผ่นดินไทย ความรู้สึกเสมือนได้ก้าวเข้าสู่แหล่งพักพิงอันเงียบสงบและปลอดภัยยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม และปิดท้ายด้วยโทน “สีแดง” ที่สื่อถึงพลังแห่งการเริ่มต้น เหมือนการจุดประกายไฟที่ทำให้คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
วัสดุแซฟไฟร์ ทับทิม มรกต ส่องแสงระยิบระยับ บนตัวเรือนของ UR-100V “PMT The Hour Glass 15th Anniversary” ทั้งสามเรือน สะท้อนถึงการเดินทางก้าวข้ามผ่านกาลเวลาและห้วงอวกาศ แนวคิดทั้งสองถูกถ่ายทอดลงนาฬิกาเดียวกัน ดึงดูดประสาทสัมผัสการรับรู้อันละเอียดอ่อนแต่แฝงไว้ด้วยลูกเล่นของ “เวลาหรืออวกาศ” และ “นาทีหรือกิโลเมตร” การนำมาตรวัดทั้งสองส่วนมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน เชื้อเชิญให้ร่วมชื่นชมเรื่องราวอันสุดประทับใจของการเดินทางบนท้องฟ้า นอกเหนือจากการแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีผ่านเทคโนโลยีดาวเทียมแล้ว ด้วยมิติใหม่ของการแสดงเวลา การเคลื่อนที่ของเข็มนาทีหลังจากครบ 60 นาทีแล้ว จะหายไปและกลับมาอีกครั้ง โดยทำหน้าที่บอกหน่วยนับกิโลเมตร แปลมาตรวัดจากการเดินทางอันเงียบงันในจักรวาล การเคลื่อนที่ของโลกหมุนรอบแกนตัวเองในทุกๆ 20 นาที ซึ่งจะเดินทางประมาณ 555 กิโลเมตร นี่คือความเร็วของโลกที่หมุนรอบเส้นศูนย์สูตร ส่วนทางด้านตรงข้ามจะมาพร้อมมาตรวัดการหมุนของโลกรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งมีค่าเท่ากับ 35,740 กิโลเมตรต่อ 20 นาที มาตรการนี้เป็นเครื่องเตือนใจในฐานะมวลมนุษยชาติ เวลาชั่วโมงและระยะทางกิโลเมตรที่ปรากฏ ล้วนมีความสำคัญ ดังนั้นนาฬิกานี้จึงมีชื่อเรียกว่า UR-100V “SpaceTime”
ใต้โดมกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ของ UR-100V บรรจุกลไก URWERK Caliber 12.01 ซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนการแสดงเวลาชั่วโมงผ่านระบบดาวเทียม การแสดงค่าเวลาผ่านตัวเลขที่เข้าใจง่าย เคลื่อนที่จาก 0 ถึง 60 นาที โดยชิ้นส่วนประกอบนี้ผลิตจากอะลูมิเนียมพ่นทรายและพ่นอโนไดซ์ด้านหลัง สกรูทรงกลมแซทเทิลไลท์แต่ละตัวเคลือบพื้นผิวแบบซาติน ชิ้นส่วนรับสัญญาณดาวเทียมถูกติดตั้งอยู่บนสะพานจักรกลทองเหลืองแบบพ่นทรายและเคลือบด้วยรูทีเนียมอีกชั้น โครงสร้างที่ปิดส่วนบอกเวลาทำจากอะลูมิเนียมพ่นทราย กลไกขึ้นลานอัตโนมัติของ UR-100V รับพลังงานจากโรเตอร์ทรงใบพัด Windfänger ที่สามารถส่งพลังได้จากการหมุนแบบสองทิศทาง
ความสวยงามของตัวเรือน UR-100V ชวนให้หวนนึกถึงความหลังอันน่าประทับใจ แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ผู้ชื่นชอบ URWERK นึกถึงสุนทรียศาสตร์ของนาฬิกาจากแบรนด์อิสระในยุคแรก ๆ “ในช่วงปลายยุค 90 ทางแบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิกา UR-101 และ UR-102 โดยทาง UR-100V การออกแบบค่อนข้างจะ ‘Back to the Future’ ของแบรนด์” Mr”Martin Frei กล่าวว่า “เราได้ทบทวนองค์ประกอบบางอย่างจากการออกแบบแรกสุดของแบรนด์และแยกโครงสร้างตามแนวทางที่ทางแบรนด์สนใจ ตัวเรือน UR-100V เป็นการพัฒนาโครงสร้างตัวเรือนของ URWERK ที่มาพร้อมโดมสเตนเลสสตีลของรุ่นในอดีตที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ด้วยรูปแบบที่ดูโปร่งสบายตาผลิตจากกระจกแซฟไฟร์ ความสมบูรณ์แบบถูกตอกย้ำด้วยความแข็งแกร่งทนทานของตัวเรือนไทเทเนียมและสเตนเลสสตีล ซึ่งหลายคนมักตั้งคำถามถึงการกำหนดสัดส่วนให้ดูสมมาตร การออกแบบของผมจึงเล่นกับรูปทรงและสัดส่วนเพื่อท้าทายสายตาของผู้ที่พินิจนาฬิกาเรือนนี้อย่างละเอียด”
“สำหรับผม นาฬิกามีมิติทางปรัชญาที่ชัดเจน เสมือนการจำลองสถานการณ์บนโลกทั้งทางกายภาพและเชิงนามธรรม หน้าปัดดูเหมือนเส้นศูนย์สูตรที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้เปลี่ยนรูป” Mr.Martin Frei หัวหน้าฝ่ายออกแบบและผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK กล่าว และ Mr.Felix Baumgartner ช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK ยืนยันว่า “เวลา ที่เปลี่ยนแปลงและการหมุนของโลก ทางแบรนด์ได้นำความคิดนี้มาพัฒนากลไกที่ควบคุมโดยแกนสามส่วน พารามิเตอร์ที่ทำหน้าที่ควบคุม จึงเรียกว่า Space-Time”