Hublot Square Bang Unico คอลเลกชั่นนาฬิกาสุดเอ็กซ์คลูซีฟในระดับสูงสุดด้วยไฮจิวเวลรี่

หลังเผยโฉมโครงร่างอันทรงพลังของนาฬิกา Square Bang Unico เป็นครั้งแรกในงาน Watches and Wonders Geneva 2022 ที่ผ่านมา ในปีนี้ Hublot ได้เผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ทั้งหมด 8 รุ่น โดยช่างนาฬิกา Hublot ได้ให้ความสำคัญและความเอาใจใส่ในผลงานอันงดงาม 2 รุ่นเป็นพิเศษ ได้แก่รุ่น Titanium และรุ่น King Gold 18K ที่ถูกผสมผสานระหว่างทองคำกับทองแดงและแพลทินัม เพื่อโทนสีสีแดงที่มากกว่า 5N แต่ละรุ่นยังมีให้เลือกใน 4 รุ่นย่อย ที่มีการประดับเพชรที่ต่างกันในแต่ละระดับ

ระดับแรกกประกอบด้วยขอบตัวเรือนประดับเพชรสีขาว 44 เม็ด หนักรวม 1.9 กะรัต จากนั้น จึงเป็นระดับที่สองซึ่งเป็นเวอร์ชันประดับอัญมณีจำนวนมากกว่า กับตัวเรือนที่ประดับเต็มพื้นที่ด้วยเพชรสีขาว 138 เม็ด หนักรวม 3.3 กะรัต สู่ระดับที่สามซึ่งมีความชัดเจนยิ่งขึ้นในฐานะเรือนเวลาประดับอัญมณี ดังนั้น ในระดับนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชัน ‘Jewellery’ กับการประดับตกแต่งเพชรที่มีความซับซ้อนทางเทคนิคมากขึ้น ประกอบด้วยขอบตัวเรือนประดับตกแต่งด้วยเพชร Baguette cut 50 เม็ด ส่วนบนตัวเรือนประดับด้วยเพชร 94 เม็ด ทำให้มีจำนวนเพชรทั้งหมดรวมถึง 144 เม็ด และหนักรวมกว่า 4 กะรัต (หรือ 4.4 กะรัต)

ส่วนระดับที่สี่นั้น บรรลุถึงจุดสูงสุดใหม่แห่งการรังสรรค์เรือนเวลาประดับอัญมณี ด้วยการเป็นชิ้นงาน ‘high jewellery’ ซึ่งมอบสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างอย่างชัดเจนจากเวอร์ชั่นก่อนหน้า โดยประกอบด้วยการประดับเพชรทั้งหมดถึง 285 เม็ด บนตัวเรือน พร้อมด้วยขอบตัวเรือนและหน้าปัดประดับเต็มพื้นที่ทั้งหมดด้วยเพชร และมีน้ำหนักรวมถึงเกือบ 18 กะรัต แต่ละรุ่นตกแต่งแบบซ่อนหนามเตย ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของเครื่องประดับอัญมณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหลักชั่วโมง ด้านข้างตัวเรือน และหน้าปัดย่อยแสดงเวลา ที่โดดเด่นของเพชร Baguette cut 79 เม็ด ที่ถูกจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับความพิถีพิถันในการประดับตกแต่งด้วยเพชรบนหูตัวเรือนเชื่อมสายแบบปกป้องอันเป็นไอคอนิกมาจากตัวเรือน Big Bang รวมถึงบนปุ่มกดออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับสายสร้อยข้อมือที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ตลอดจนตัวพับล็อกสายซึ่งประดับด้วยเพชร Baguette cut 30 เม็ด

สำหรับเวอร์ชั่น Titanium ยังคงรักษาไว้ด้วยสัมผัสของสไตล์ Monochrome ที่ซึ่งประกายแสงสีขาวแวววาวของเพชรได้เล่นสะท้อนภายใต้เฉดสีเทาขัดด้านของ Titanium อย่างลุ่มลึก เผยสไตล์อันทันสมัยและสุขุม ผ่านทั้งงานออกแบบอันทรงพลังของตัวเรือนกับด้านข้างสไตล์ cut-off และความละเอียดอ่อนของเพชรที่นำมาประดับตกแต่งอย่างวิจิตรประณีต และส่วนเวอร์ชัน King Gold เผยให้เห็นความสวยงามที่แตกต่างออกไป โดยมาพร้อมกับตัวเรือนทองตัดกับสายยางสีดำ ที่ถูกจับคู่กันมาตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา