สร้างสรรค์เกลียวคลื่นแห่งความโดดเด่นขึ้นด้วยผลงานใหม่ล่าสุดใน Vanguard Beach ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันและความสดใสภายใต้เฉดสีแดงเพลิง สีฟ้าน้ำทะเล และสีซัมเมอร์กรีน ที่เรือนเวลาสไตล์ Monochrome ที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาแห่ง la dolce vita ด้วยเฉดสีสปอร์ตชิคซึ่งผสมผสานอย่างกลมกลืนเข้ากับแฟชั่นอันทันสมัย พร้อมมุ่งหน้าสู่สีสันและความมีเอกลักษณ์ของรูปทรงตัวเรือนนาฬิกาเฉพาะของ Franck Muller
โดยผลงานล่าสุดนั่นคือคอลเลกชั่น Vanguard Beach ที่นับเป็นอีกครั้งของ Franck Muller ที่ได้สาธิตถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์ทั้งต่องานออกแบบและวิศวกรรมวัสดุ ด้วยผลงานที่เลือกสรรวัสดุสำหรับตัวเรือน VAnguard อันคุ้นเคยมาอย่างพิถีพิถันจากวัสดุ Glass fiber composite ซึ่งออกแบบและผลิตขึ้นเฉพาะเพื่อสร้างสรรค์ลวดลายของเส้นสายราวระลอกคลื่นทิ้งไว้บนผืนทรายแห่งชายหาดอันบริสุทธิ์ และเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์นี้ กระจกแก้วจึงจำเป็นต้องผ่านการหลอมในขั้นตอนแรกที่อุณหภูมิ 1,500 องศาเซลเซียส และสร้างสรรค์เป็นเส้นใยอันละเอียดอ่อนอย่างมาก จากนั้นจึงถูกทำให้เย็นลงและสร้างรูปกลายเป็นแผ่นกระจก ณ อุณหภูมิต่ำลงที่ 700 องศาเซลเซียส จากนั้นแผ่นกระจกเหล่านี้จึงถูกย้อมในอ่างสี ก่อนที่จะถูกจัดวางเป็นชั้นและบีบอัดเข้าด้วยกันเป็นบล็อก ก่อนจะสามารถผลิตขึ้นรูปเป็นตัวเรือนของนาฬิกา
ภายใต้กระบวนการผลิตในแต่ละขั้นตอนนี้ Franck Muller ยังควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้เหลือบสีที่ต้องการของนาฬิกา Vanguard Beach ในขณะเดียวกันยังสร้างสรรค์เป็นลวดลายของเส้นสายที่มีเอกลักษณ์ โดยผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหล่านี้ ในทางกลับกันได้กลายเป็นการจับคู่อันละเอียดอ่อนระหว่างหน้าปัดและสายนาฬิกาเฉดสีแบบโทนออนโทนอันโดดเด่น ที่ตอกย้ำถึงงานออกแบบของ แวงการ์ด ในสามเฉดสีสะกดสายตา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโทนสีฟ้าของท้องฟ้า และเฉดสีเขียวของท้องทะเล รวมถึงฉากของพระอาทิตย์ตกสีแดงเพลิงราวดั่งวาดไว้บนท้องฟ้า
นอกเหนือจากความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวแล้ว Glass fiber composite ยังเป็นตัวเลือกอันโดดเด่นด้วยคุณสมบัติเด่นทั้งความมีน้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่งทนทานเหนือกว่าวัสดุตัวเรือนนาฬิกาทั่วไป ด้วยความหนาแน่นเพียงหนึ่งในสามของสตีล แต่คงความแข็งแกร่งทางเทคนิค จึงทำให้นาฬิกาเรือนนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาสได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมชายฝั่งไปจนถึงงานเลี้ยงสังสรรค์ยามราตรี ความมีเอกลักษณ์ของตัวเรือนซึ่งทำจากวัสดุนี้ ที่พร้อมขับเคลื่อนของกลไกจักรกล Automatic พร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่ และสำรองพลังงานได้นาน 42 ชั่วโมง โดยนาฬิกาทั้งสามเวอร์ชั่น ภายใต้เฉดสีแดงเพลิง สีฟ้าน้ำทะเล และซัมเมอร์กรีน จะมีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในราคา 398,000 บาท