มาให้สัมผัสถึงเมืองไทยแล้ว สำหรับนาฬิกา Jaeger LeCoultre Novelties Collection ประจำปี 2023 เรือนจริง ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Watches and Wonders 2023 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยปีนี้ นับเป็นปีแห่งความยิ่งใหญ่อีกครั้งเนื่องในโอกาสพิเศษในการเฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปี ของแบรนด์ ที่ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1833 ด้วยคอลเลกชั่น ‘Reverso’ นาฬิกาเรือนสี่เหลี่ยมตัวเรือนพลิกได้ที่มาในสัดส่วนตัวเรือนที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘Golden Ratio’ และถือเป็นนาฬิการะดับ Iconic ตลอดกาลของโลกแห่งเรือนเวลา
เริ่มต้นกันที่ Reverso Tribute Chronograph นาฬิกาจับเวลาในตัวเรือนสี่เหลี่ยมพลิกได้ ที่ถูกนำกลับมาผลิตอีกครั้งในรอบ 20 ปี โดยมีการวางรูปแบบหน้าปัดได้อย่างลงตัวด้วยหน้าปัดหลักโทนสีเทาอมฟ้าที่ถูกขัดแต่งด้วยเทคนิค Sunray ที่เล่นแสงได้อย่างงดงามมาก ๆ และเรียบง่ายด้วยการบอกเวลาแบบ 2 เข็ม ทรง Dauphine และหลักชั่วโมงทรง Baton ปลายแหลม และสเกลนาทีแบบรางรถไฟสุดคลาสสิก
ไฮไลท์ของนาฬิกาเรือนนี้ อยู่ที่การพลิกกลับมาที่หน้าปัดรองที่ถูกขัดแต่งแบบ Open Worked โชว์กลไกจักรกลพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลารุ่นใหม่ล่าสุด Cal.860 ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับนาฬิกาเรือนสี่เหลี่ยมโดยเฉพาะ โดยมีการวางวงหน้าปัดย่อยสำหรับจับเวลาแบบวินาทีไว้ตรงกลางหน้าปัด และหน้าปัดย่อยสำหรับจับเวลาต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที แบบ Retro Grade โดยชุดกลไกควบคุมการจัดเวลาอย่าง Column Wheel และ Virtical Clutch มีความนุ่มนวลและแม่นยำมาก ๆ และที่สำคัญสามารถบอกเวลาปกติได้จากหน้าปัดด้านนี้อีกด้วย โดยมีรุ่นตัวเรือน Pink Gold 18k ให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชื่นชอบความหรูหรา
ต่อด้วยนาฬิกา Reverso Tribute Duoface Tourbillon นาฬิกาบอกเวลาแบบ 2 เขตเวลาด้วยหน้าปัดสองหน้า ที่มาพร้อมกับฟังชั่น Flying Tourbillon ที่ถูกทำให้กรง Tourbillon เหมือนล่องลอยอยู่กลางช่องตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา บนหน้าปัดสีเงินที่ผ่านการขัดแต่งด้วยลวดลาย Sunray ที่เล่นแสงได้อย่างงดงามมาก ๆ และเรียบง่ายด้วยการบอกเวลาแบบ 2 เข็ม ทรง Dauphine และหลักชั่วโมงทรง Baton ปลายแหลม และสเกลนาทีแบบรางรถไฟสุดคลาสสิกตามแบบฉบับของนาฬิกาในซีรีย์ Tribute
พลิกกลับมาด้านหลังจะพบกับหน้าปัดอีกด้านสำหรับบอกเวลาในเขตเวลาที่ 2 ด้วยหน้าปัดย่อยสีดำและสามารถบอกเวลากลางวัน-กลางคืน ด้วยหน้าต่างตรงตำแหน่ง 2 นาฬิกา และในส่วนของกรง Flying Tourbillon มีเฟืองสเกลบอกวินาทีแบบ One Minute ที่ยึดติดกับ Bridge ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมทั้งมีการแกะสลักลวดลาย Hobnail บน Main Plate อีกด้วย และเพิ่มความหรูหราสุดคลาสสิกด้วยสายหนัง Alingator สีดำ กับ Pink Buckle Pink Gold 18K
ปิดท้ายด้วยการอัพเดทนาฬิกา Reverso Tribute Monoface Small Seconds ตัวเรือน Steel ที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีใหม่ในโทนสีขาวตัดกับชุดเข็มชั่วโมง-นาที-วินาที และหลักชั่วโมงเคลือบ Rhodium ที่เหลือบสีดำยามกระทบกับแสง ซึ่งทำให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายและเรียบหรูใส่ได้ทุกโอกาส โดยมาพร้อมกับสายหนัง Fagliano สีดำเย็บประกบกับผ้าใบสีเทาดำ
นอกจากนี้คอลเลกชั่น Reverso Tribute Monoface Small Seconds ยังมีรุ่นตัวเรือน Pink Gold 18K ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โดยมีความแตกต่างจากรุ่นตัวเรือน Steel ด้วยการลดความหนาของตัวเรือนลงประมาณ 1 มิลลิเมตร ซึ่งเราสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนตอนสวมใส่ลงบนข้อมือ และพร้อมหน้าปัดให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ สีดำ, สีเงิน และสีเบอร์กันดีที่มาพร้อมกับสายหนัง Fagliano สีเบอร์กันดีเย็บประกบกับผ้าใบโทนสีเดียวกัน
สำหรับนาฬิกา Novelties ในปีนี้ Jaeger LeCoultre จัดเต็มให้กับคอลเลกเลกชั่น Reverso โดยมีทั้งนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยผลิตมาก่อนอย่างกับรุ่น Reverso Tribute Duoface Tourbillon หรือรุ่นในตำนานที่ถูกนำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งอย่างกับรุ่น Reverso Tribute Chronograph และการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรุ่น Reverso Tribute Monoface Small Seconds ซึ่งถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง ที่น่าจะทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกอยากเป็นเจ้าของหนึ่งในนาฬิการุ่นใหม่หรือทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทาง Jaeger LeCoultre Thailand ที่ให้เกียรติทีมงาน WATCHESSIAM ได้มีโอกาสสุดพิเศษในครั้งนี้ และสำหรับผู้ที่สนใจนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Jaeger LeCoultre Boutique ชั้น M ห้างสยามพารากอน โทร 02-610-9925 , LINE Oifficial Account: @jaegerlecoultreth และ Website: jaeger-lecoultre.com