Tudor เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดหลากหลายรุ่นหลากหลายสไตล์ จากคอลเลกชั่นเดิมที่วางจำหน่ายมาก่อนหน้านี้ และนาฬิกาในคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีมาก่อนจากงาน Watches and Woders 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ ของแบรนด์ที่เตรียมพร้อมจะได้เป็นเจ้าของกันในปีนี้
Tudor Black Bay 54
คอลเลกชั่นนาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ล่าสุดในคอนเซ็ปต์นาฬิกาดำน้ำย้อนยุคที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา Tudor Oyster Prince Submariner Ref.7922 จากปี 1954 ที่โดดเด่นด้วยชุดเข็มชั่วโมงทรง ‘Snow Flake’ ของแบรนด์จากยุค 1960s เข็มวินาที ‘Rolli Pop’ หลักชั่วโมงทรงกลมและเหลี่ยมสีทองเคลือบสารเรืองแสง Swiss Super Luminova ตัดกับหน้าปัดสีดำขัดแต่งลวดลาย Sunburst แบบไม่มีวันที่สุดคลาสสิก ขอบ Bezel หมุนได้ทิศทางเดียวพร้อม Diving Scale Insert สีเงิน ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire แบบ Domed
ตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 37 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 200 เมตร มาพร้อมกับสาย Steel แบบ 3 Links ในรูปแบบ ‘Rivet-Style’ และสายยางสีดำที่มาพร้อมกับระบบ ‘T-Fit’ ในบานพับตัวล็อกสายที่สามารถปรับความยาวของสายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.MT5400 ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง ป้องกันสนามแม่เหล็กด้วยวัสดุ Silicon Balance Spring และผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer จากสถาบัน COSC
Ref.M79000N สาย Steel
ราคา 138,400 บาท
Ref.M79000N สายยาง
ราคา 130,900 บาท
Tudor Black Bay 31/36/39/41 Steel
คอลเลกชั่นนาฬิกาสปอร์ตคลาสสิกที่เหมือนเป็นภาคต่อของ Black Bay S&G เวอร์ชั่นตัวเรือน Steel สลับกับ Solid Gold ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2022 โดยมาในตัวเรือน 4 ขนาดให้เลือก ได้แก่ 31, 36, 39 และ 41 มิลลิเมตร พร้อมกับขอบหน้าปัดแบบ Smooth Fixed และหน้าปัดสุดคลาสสิกแบบไม่มีวันที่ เข็มชั่วโมงทรง ‘Snow Flake’ ของแบรนด์จากยุค 1960s เข็มวินาที ‘Rolli Pop’ หลักชั่วโมงทรงกลมและเหลี่ยมสีทองในรุ่นหน้าปัดสีดำ และสีเงินในรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงิน, Anthracite และ Light Champange ขัดแต่งลวดลาย Sunburst เคลือบสารเรืองแสง Swiss Super Luminova ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อน
ตัวเรือน Stainless Steel กันน้ำลึก 100 เมตร มาพร้อมกับสาย Steel แบบ 5 Links ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.MT5201 ในรุ่น 31 สำรองพลังงาน 50 ชั่วโมง, Cal.MT5400 ในรุ่น 36, Cal.MT5602 ในรุ่น 39 และ Cal.MT5601 ในรุ่น 41 สำรองพลังงาน 70 ชั่ยโมง ความถี่ 28,000 ครั้ง/ชั่วโมง สามารถป้องกันสนามแม่เหล็กได้ด้วย Silicon Balance Spring และผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer จากสถาบัน COSC
Ref.M79600 31mm
ราคา 134,600 บาท
Ref.M79640 36mm
ราคา 138,400 บาท
Ref.M79660 39mm
ราคา 172,500 บาท
Ref.M79680 41mm
ราคา 176,300 บาท
Tudor Black Bay GMT White Dial
Tudor เปิดตัวนาฬิกา Black Bay GMT มาพร้อมกับหน้าปัดสีดำ ตัวเรือนและสาย Stainless Steel ในปี 2018 และรุ่น S&G เวอร์ชั่นตัวเรือน Steel สลับกับ Solid Gold ในปี 2022 จนมาถึงปีนี้กับรุ่นหน้าปัดสีขาวที่บอกเวลาในเขตเวลาที่ 2 ด้วยเข็ม GMT สีแดง ร่วมกับ 24 Hours Scale สีน้ำเงิน-แดง Aluminium Anodize Insert ในขอบ Bezel หมุนได้สองทิศทาง และมีการเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova บนเข็มชั่วโมงทรง Snow Flake กับเข็มนาที และหลักชั่วโมงที่เคลือบสีดำ ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire ทรง Dome
ตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 41 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 200 เมตร ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.5652 ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นบอกเวลาแบบ 2 Timezone มาพร้อมกับสาย Steel แบบ 3 Links ในรูปแบบ ‘Rivet-Style’ และมีรุ่นสายผ้าแบบ NATO สีดำทอสลับกับสีแดงตรงกลาง
Ref.M79830RB สาย Steel
ราคา 155,400 บาท
Ref.M79830RB สายผ้า NATO
ราคา 144,100 บาท
Tudor Black Bay 41
ปีนี้ Tudor มีการอัพเดทคอลเลกชั่น Black Bay 41 อีกครั้ง หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 ที่มาพร้อมกับกลไกจักรกลที่ใช้พื้นฐานจากโรงงาน ETA จนมีการปรับเปลี่ยนมาใช้กลไกแบบ In-House เป็นครั้งแรกในปี 2016 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงและพลิกโฉมของแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยในปีนี้ มีการปรับดีไซน์ใหม่ทั้งรูปทรงของเม็ดมะยมที่ยกมาจากนาฬิกา Tudor Oyster Prince Submariner Ref.7922 จากปี 1954 พร้อมกับการกลับมาอีกครั้งของ Diving Scale Insert วัสดุ Aluminium Anodize สีแดง Burgundy กับเข็มชั่วโมงทรง Snow Flack เข็มนาทีและเข็มวินาทีแบบ Rollipop และหลักชั่วโมงสีทอง เคลือบสารเรืองแสง Super Luminova ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire แบบ Dome
ตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 41 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 200 เมตร และต้านทานสนามแม่เหล็กได้ในระดับ 15,000 gauss ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic In-House Cal.MT5602-U ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer จากสถาบัน COSC และมีสายนาฬิกา Steel ให้เลือกทั้งแบบ 5 Links และ 3 Links ในรูปแบบ Rivet และสายยางสีดำที่มาพร้อมกับระบบ ‘T-Fit’ ในบานพับล็อกสายที่สามารถขยายความยาวสายได้อย่างรวดเร็ว
Ref.M7941A1A0RU สาย Steel 5 Links
ราคา 161,100 บาท
Ref.M7941A1A0RU สาย Steel 3 Links
ราคา 157,300 บาท
Ref.M7941A1A0RU สายยาง
ราคา 149,800 บาท
Tudor Royal
นอกจากนาฬิกาในตระกูล Black Bay แล้ว ปีนี้ยังมีการอัพเดทคอลเลกชั่น Tudor Royal นาฬิกาแนว Sport-Chic ด้วยหน้าปัดสี Salmon ในรุ่น Stainless Steel เพิ่มความเรียบหรูให้กับหน้าปัดด้วยหลักชั่วโมงตัวเลขโรมัน และหน้าปัดสีน้ำตาลที่ผ่านการขัดแต่งลวดลาย Sunburst และเพิ่มหลักชั่วโมงเพชร 8 เม็ด สลับกับหลักชั่วโมงตัวเลขโรมันในรุ่น Steel & Gold มีหน้าต่างวันที่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ในรุ่นตัวเรือน 28, 34, 38 มิลลิเมตร และเพิ่มหน้าต่างบอกวันตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกาในรุ่นตัวเรือน 41 มิลลิเมตร โดยใช้ขอบ Bezel แบบ Notched อันเป็นเอกลักษณ์ ใช้เข็มชั่วโมง-นาทีทรง Baton เคลือบสารเรืองแสง Super Luminova และใช้กระจกหน้าปัด Sapphire
ตัวเรือนผลิตจาก Stainless Steel 316L Grade และสลับกับ Yellow Gold 18K ในรุ่น Steel & Gold โดยมีให้เลือก 4 ขนาด ได้แก่ 28, 34, 38 และ 41 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 100 เมตร มาพร้อมกับสายแบบ Integrated แบบ 5 Links ขัดแต่งผิวด้วยลวดลาย Satin สลับกับ Polished ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic Cal.T201 (28mm), Cal.T601 (34,38mm) และ Cal.T603 (41mm) ความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 38 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer จากสถาบัน COSC
Ref.M28300 28mm Steel
ราคา 83,500 บาท
Ref.M28400 34mm Steel
ราคา 85,400 บาท
Ref.M28500 38mm Steel
ราคา 87,300 บาท
Ref.M28600 41mm Steel
ราคา 89,200 บาท
Ref.M28303 28mm Steel & Gold
ราคา 125,100 บาท
Ref.M28403 34mm Steel & Gold
ราคา 127,000 บาท
Ref.M28503 38mm Steel & Gold
ราคา 138,300 บาท
Ref.M28603 41mm Steel & Gold
ราคา 132,700 บาท
นาฬิกาทุกรุ่นวางจำหน่าย เมษายน 2023
รายละเอียดเพิ่มเติม tudorwatch.com
Initial Thoughts
ปีนี้ Tudor จัดเต็มมาก ๆ สำหรับนาฬิกาตระกูล Black Bay ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง Black Bay 54 หรือคอลเลกชั่นเดิมที่มีการอัพเดทใหม่ โดยเพิ่มรายละเอียดหลายอย่างที่ทำให้นาฬิกาลงตัวมากขึ้น อย่าง Black Bay GMT, Black Bay 41 และ Black Bay 31/36.39/41 ที่มาในเวอร์ชั่นตัวเรือน Steel รวมถึงคอลเลกชั่นนาฬิกาแนวสปอร์ตหรูอย่าง Tudor Royal ที่มาพร้อมกับหน้าปัด 2 สีใหม่ ในสองสไตล์ ทั้ง Steel และ Steel & Gold ซึ่งทั้งหมดน่าจะสร้างความประทับใจและตอบโจทย์แฟน ๆ ของแบรนด์ทั่วโลกอย่างแน่นอน