Omega เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ Speedmaster X-33 Marstimer ซึ่งมาพร้อมกับการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่นที่มีความแม่นยำสูง ไม่ว่าจะเป็นการจับเวลาหรือวัดอุณหภูมิ รวมทั้งฟังก์ชั่น ที่สามารถใช้งานร่วมกับภารกิจสำรวจดาวอังคาร ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรุ่น ‘Marstimer’ โดยผ่านการพัฒนา ทดสอบ และรับรองโดย European Space Agency (ESA) หรือองค์การอวกาศแห่งยุโรป
สำหรับนาฬิการุ่นนี้ แสดงผลการบอกเวลาแบบผสมผสานกันระหว่างเข็มชี้แบบ Analog สำหรับบอกเวลาชั่วโมง-นาที และจอแสดงผลแบบ Digital สำหรับบอกวัน-วันที่ บอกเขตเวลาบนโลกแบบ UTC (Universal Time Cordinated) และบนดาวอังคารด้วยฟังก์ชั่น MTC (Mars Time Coordinated) ที่มีระยะเวลายาวนานกว่าบนโลก 2.7% หรือ 39 นาที 35 วินาที และยังมีนวัตกรรมของเข็มทิศสุริยะที่สามารถบอกทิศเหนือที่แท้จริงทั้งบนดาวอังคารและบนโลกได้อย่างแม่นยำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ยกมาจาก Speedmaster X-33 Skywalker อาทิ ปฏิทินถาวร, การตั้งเวลาปลุก, การจับเวลาแบบ MET (Mission Elapsed Time), PET (Phase Elapsed Time)
ตัวเรือน Titanium Grade 2 ขนาด 45 มิลลิเมตร หนา 14.9 มิลลิเมตร กันน้ำลึก 30 เมตร มีขอบ Bezel Titanium หมุนได้ 2 ทิศทาง กับ Ceramic Insert สีส้ม ใช้กระจกหน้าปัดแบบ Domed Sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อนทั้งสองด้าน แสดงผลแบบตัวเลขสีเขียวบนจอ Digital สีดำสนิท และเข็มบอกเวลาแบบ Analog สีขาว และบนขอบ Bezel มีการเคลือบสารเรืองแสง Super Luminova มาพร้อมสาย Titanium Grade 2 กับ Grade 5 และมาพร้อมกับสายผ้าแบบ NATO สีเทาสลับกับสีส้มที่ขอบ
ฝาหลัง Titanium Grade 2 ผนึกแน่นกับตัวเรือนด้วยสกรู Titanium 8 ตัว สลักสัญลักษณ์ Speedmaster รูปม้าน้ำ และ ESA เพื่อยืนยันว่านาฬิกาเรือนนี้ได้ผ่านการทดสอบจาก European Space Agency (ESA) โดยภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Quartz Omega Cal.5622 ที่สามารถแสดงผลได้ทั้ง Analog และ Digital โดยมีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูง ในส่วนของแบตเตอรี่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนาน 24 เดือน หรือ 2 ปี
Omega Speedmaster X-33 Marstimer Chronograph 45mm
Ref.318.90.45.79.01.003
ราคา 231,000 บาท
วางจำหน่าย ตุลาคม 2022
รายละเอียดเพิ่มเติม omegawatches.com
Initial Thoughts
นี่คือนาฬิกาจับเวลาอัจฉริยะที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับภารกิจสำรวจดาวอังคาร ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อย Omega ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยังคงเป็นแบรนด์นาฬิกาหนึ่งเดียว ที่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานาฬิกาสำหรับภารกิจอวกาศมาตั้งแต่ยุค 1960s จนถึงปัจจุบัน ภายในชื่อ ‘Speedmaster’