SEIKO สร้างปรากฎการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชั่น Prospex LX นาฬิกาสปอร์ตระดับสูงของแบรนด์ในงาน BaselWorld 2019 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่วัสดุตัวเรือนไปจนถึงสุดยอดกลไกแห่งยุคอย่าง Spring Drive ที่ประจำการอยู่ในนาฬิการะดับสูงอย่าง Grand Seiko ที่การันตีความยอดเยี่ยมด้วยการคว้ารางวัล Sports Watch Prize จาก Grand Prix d’Horlogerie de Genève หรือ GPHG ปี 2018
หลังจากการเปิดตัว Prospex LX อย่างเป็นทางการแล้ว SEIKO นำนาฬิกาดำน้ำในกลุ่ม “SEA” มาผลิตแบบจำนวนจำกัดในรุ่น SNR041 & SNR043 โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบจากธรรมชาติทางทะเล ซึ่งในปีนี้ก็เช่นกัน SEIKO เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบวงแหวน Ceramic ตรงขอบ Bezel และหน้าปัดสีเขียว Green Forest ที่มีลวดลายมาจากเสามอสที่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่น พวกเขาได้ตั้งชื่อว่า “Kokebozu” (โคเคะโบซึ) ซึ่งเป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ประกอบด้วย koke (โคเคะ) หมายถึงมอสส์ และ bouzu (โบซึ) – ชายหนุ่ม สำหรับนาฬิการุ่นผลิตจำกัดนี้ได้นำเสนอชีวิตอันน่าพิศวงของป่าใต้น้ำและเสามอสส์ใต้น้ำที่ดำรงชีวิตอยู่ในโลกสุดขั้วของน่านน้ำแอนตาร์กติกา
ตัวเรือน Titanium เคลือบ Diashield ขนาด 44.8 มิลลิเมตร หนา 15.7 มิลลิเมตร มาพร้อมสาย Titanium กับ Buckle บานพับแบบ 3 ชั้น พร้อมระบบ Extention Link สำหรับนักดำน้ำมืออาชีพใช้งานกับ Wet Suit เม็ดมะยมตรงตำแหน่ง 4 นาฬิกาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานใต้น้ำที่เป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาดำน้ำจาก SEIKO ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อน ชุดเข็มและหลักชั่วโมงเคลือบสารเรืองแสง Lumibrite และหน้าต่างวันที่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา
ฝาหลัง Titanium ขันเกลียวแน่นกันน้ำลึก 300 เมตร สลักคำว่า Limited Edition และหมายเลขประจำเรือน XXX/500 ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Spring Drive Cal.5R65 สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน โดยมี Power Reseved Scale บอกพลังงานสำรองบนหน้าปัด และรักษาความเที่ยงตรงในระดับ ±1 วินาทีต่อวัน หรือเฉลี่ย ±15 วินาทีต่อเดือน
Seiko Prospex LX Limited Edition
Ref.SNR045 ผลิตจำนวนจำกัด 500 เรือน
ราคา 236,600 บาท
วางจำหน่าย กรกฎาคม 2020
รายละเอียดเพิ่มเติม seikowatches.com
Initial Thoughts
สุดยอดนาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพระดับ Luxury จากกลุ่ม Prospex เหมาะสำหรับคนที่ต้องการนาฬิกาดำน้ำที่มีความแข็งแรงทนทานและมีความเที่ยงตรงสูงมากจากกลไกจักรกลร่วมกับระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่ไม่ต้องอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ ยิ่งมาพร้อมกับสีเขียว Green Forest ที่โดดเด่นและมีความหมาย ตามแบบฉบับนาฬิกาแบรนด์ระดับโลกจากญี่ปุ่น ที่สำคัญได้โควต้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 25 เรือนเท่านั้น