โดยปกติกลไก Tourbillon จะถูกวางอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของหน้าปัดตามรูปแบบมาตรฐานของตำแหน่ง Escapement และ Balance Wheel ในกลไกจักรกลทั่วไป แต่ Omega เคยสร้างนวัตกรรมที่ฉีกกฎการออกแบบกับนาฬิกาข้อมือกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติที่วางกรง Tourbillon ไว้ตรงกลางหน้าปัดเป็นครั้งแรกของโลกในนาฬิกา De Ville Central Tourbillon ปี 1994
จนมาถึงปี 2020 Omega นำฟังก์ชั่น Central Tourbillon กลับมาใส่ลงในนาฬิกาคอลเลคชั่น De Ville อีกครั้ง ด้วยการออกแบบกรง Tourbillon ที่ผลิตจาก Black Ceramised Titanium ขัดแต่งอย่างประณีตด้วยมือ แท่นเครื่องและสะพานจักรผลิตจาก Sedna Gold 18K ที่ผ่านการขัดแต่งอย่างสวยงาม
นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Co-Axial Master Chronometer ที่นอกจากจะมีความเที่ยงตรงสูงแล้ว กลไกยังสามารถทนทานต่อสนามแม่เหล็กถึง 15,000 gauss สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน จากตลับลานคู่พร้อมทั้ง Power Reserved Scale ที่สลักไว้บนสะพานจักรด้านหลัง
ตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร ผลิตจากวัสดุ Sedna Gold 18K สลับกับ Canopus Gold 18K โลหะสูงค่าสีเงินที่คิดค้นโดย Omega หน้าปัดสีดำผลิตจาก Sedna Gold ขัดแต่งแบบ Sunburst แล้วเคลือบ PVD สีดำ หลักชั่วโมงแบบขีด เข็มชั่วโมง-นาที และเข็มวินาทีผลิตจาก Sedna Gold วางอยู่บน Tourbillon Titanium Bridge ที่หมุนรอบตัวเองทุกๆ 1 นาที
นาฬิกาใช้กระจกหน้าปัด Sapphire แบบ Dome เคลือบตัดแสงสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอก รวมทั้งฝาหลังแบบโปร่งใสด้วยกระจก Sapphire โชว์กลไกไขลาน In-House Cal.Omega 2640 และมาพร้อมสายหนังจระเข้สีดำ
Omega De Ville Central Tourbillon
Ref.529.53.43.22.01.001
ผลิตแบบปกติ พร้อมระบุหมายเลขประจำเรือน
ราคา 5,866,000 บาท
วางจำหน่าย กรกฎาคม 2020
รายละเอียดเพิ่มเติม omegawatches.com
Initial Thoughts
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้พบเห็นกลไก Central Tourbillon แบบที่อยู่ในนาฬิการุ่นนี้ ซึ่ง Omega สามารถนำรูปแบบนาฬิกาที่เคยเป็นโปรเจคพิเศษเมื่อ 26 ปีที่แล้ว กลับมาผลิตใหม่อีกครั้งด้วยกลไกที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยใช้วัสดุสุดหรูอย่าง Sedna Gold เป็นวัสดุหลักในการผลิตโครงสร้างของกลไกและตัวเรือน ซึ่งน่าจะมีจำนวนผลิตต่อปีเพียงไม่กี่เรือน จึงมั่นใจได้เลยว่านาฬิกาเรือนนี้จะกลายเป็นของหายากในอนาคต ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลิตแบบลิมิเต็ดก็ตาม