Longines คือแบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสที่มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่และยาวนาน “เทคนิคที่ถ่ายทอดกันมา”, “ความหรูหราสง่างาม”, “คุณภาพ” และ “ความเที่ยงตรง” เหล่านี้คือคุณค่าที่สืบทอดกันมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงงานบนที่ดินหุบเขาริมแม่น้ำที่เรียกกันว่า “Longines” จนกลายมาเป็นชื่อของตำนานเรือนเวลาอมตะอันเป็นนิยามของความคลาสสิก โดยมีสัญลักษณ์เป็นโลโก้รูปนาฬิกาทรายติดปีกอันโด่งดังมาจวบจนปัจจุบันเป็นเวลายาวนานกว่า 188 ปื
ปีค.ศ. 1832: การก่อตั้งแบรนด์
ในปี ค.ศ. 1832 Auguste Agassiz ได้ร่วมมือผลิตนาฬิกากับช่างทำนาฬิกาอีกสองคนเพื่อดำเนินงานใน Raiguel Jeune et Cie comptoir ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่ทำงานของ Auguste Agassiz และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการผลิตนาฬิกา Longines
ปีค.ศ. 1867: การก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกา
ในปีค.ศ.1867 นาฬิกาเรือนแรกภายใต้แบรนด์ Longines พร้อมโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกและหมายเลขรุ่น (Serial number) ได้ปรากฏโฉมต่อสาธารณชน โดยนาฬิกาพร้อมหมายเลขรุ่น 335 คือนาฬิกา Longines ที่เก่าแก่ที่สุดที่บริษัทมีไว้ในครอบครอง
ปีค.ศ. 1900: งานเอ็กซ์โปปารีส (Expo Universelle Paris)
Longines เข้าร่วมงานเอ็กซ์โปในกรุงปารีสโดยได้จัดแสดงนาฬิกาพก La Renommée ที่ได้รับการติดตั้งด้วยกลไกโครโนมิเตอร์ และได้รับรางวัลภายในงานอีกด้วย ซึ่งต่อมา Longines ยังได้รับรางวัลต่างๆ อีกมากมายจนทำให้ได้รับยกย่องว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก
ปีค.ศ. 1902: นาฬิกาข้อมือเรือนแรกสำหรับสุภาพสตรี
Longines รังสรรค์นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีมาตั้งแต่ปลายยุคศตวรรษที่ 19 โดยตัวเรือนสีทองจากปี 1902 นี้นับว่าเป็นเรือนที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้เก็บรักษาอยู่ในคอลเลกชั่นประวัติศาสตร์ของ Longines
ปีค.ศ. 1911: นาฬิกาพกสำหรับนักแข่งม้า
นาฬิกาพกโครโนกราฟและบอกเวลาด้วยเสียง (minute repeater) จากปี 1911 เรือนนี้ตกแต่งด้วยศีรษะม้า 3 ตัวที่อยู่ระหว่างการแข่งขัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลที่ Longines มีต่อกีฬาขี่ม้า นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์นาฬิกาพกที่ได้นำกลับมาทำใหม่ในจำนวนจำกัด
ปีค.ศ. 1916: นาฬิกาจิวเวลรี่
นอกจากจะรังสรรค์นาฬิกาข้อมือเรือนเล็กสุดหรูสำหรับสุภาพสตรีแล้ว Longines ยังได้นำเสนอเรือนเวลาที่เป็นทั้งนาฬิกาและเครื่องประดับที่สามารถเป็นจี้ห้อยคอ แหวน หรือเข็มกลัดอีกด้วย
ปีค.ศ. 1935: นาฬิกาทหาร
ในปี 1935 Longines ได้ผลิตนาฬิกาให้กับกองทัพสหรัฐฯ โดยเรือนนี้มีความสมบูรณ์แบบทั้งในแง่ของความสวยงามและคุณสมบัติทางเทคนิคที่ตรงตามความต้องการของทหารทุกประการ จึงทำให้นาฬิกาเรือนนี้ได้จัดประเภทเป็น Type A-7 ซึ่งเป็นโมเดลที่โดดเด่นในเรื่องของหน้าปัดเอียง
ปีค.ศ. 1936: การพัฒนา Siderograph
ปี 1936 Longines ได้พัฒนาเครื่อง Siderograph เพื่อบอกเวลาทางดาราคติ ณ เมืองกรีนิช ซึ่งเครื่องนี้เปรียบเสมือนกับต้นแบบของเครื่อง GPS และเป็นที่นิยมในหมู่นักบินและนักเดินเรือ ปัจจุบันนักสะสมต่างก็พากันตามหาเครื่องนี้ที่เป็นของหายาก
ปีค.ศ. 1939: โครโนกราฟ
ในปี 1939 Longines ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการจับเวลาให้กับวงการกีฬามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยได้เปิดตัวกลไกคาลิเบอร์โครโนกราฟ 24-line ออกมา
ปีค.ศ. 1946: คาลิเบอร์ 13ZN
นาฬิกาตัวเรือนสตีลจากปี 1946 เรือนนี้มีกลไกโครโนกราฟที่โด่งดังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ Longines โดยใช้คาลิเบอร์ 13ZN จากปี 1936 ซึ่งในปัจจุบันนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกายกย่องให้เป็นคาลิเบอร์ที่ดีที่สุดที่ Longines เคยผลิตมาก็ว่าได้
ปีค.ศ. 1954: Conquest
นับตั้งแต่ช่วงปี 1950 เป็นต้นมานาฬิกาของ Longines ก็ได้รับการแบ่งให้เป็นหมวดหมู่โดย Conquest นับเป็นตระกูลแรกของแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่ฝาหลังตกแต่งรูปเหรียญลงยา
ปีค.ศ. 1959: Diver นาฬิกาดำน้ำ
นาฬิกา Diver เรือนนี้ผลิตขึ้นในปี 1959 โดยมีตัวเรือนแบบขันเกลียวและฝาหลังตกแต่งเหรียญรูปนักดำน้ำถือฉมวกหลังจากเป็นที่นิยมใช้ในหมู่กองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนาฬิกาดำน้ำเรือนนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนธรรมดาทั่วไปในช่วงปลายยุค 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่กีฬาทางน้ำได้รับความนิยมอย่างมาก
ปีค.ศ. 1984: Conquest VHP
อีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ทำให้ Longines ขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านกลไกควอตซ์คือการพัฒนารุ่นConquest V.H.P. (Very High Precision)ขึ้นมาได้สำเร็จในปี1984 มาพร้อมความเที่ยงตรงสูง (± 1 นาที/5 ปี) ทำให้นาฬิกามีความเที่ยงตรงสูง5-10เท่ากว่านาฬิกาควอตซ์ทั่วไปในยุคนั้น
Longines คือนิยามของความหรูหราสง่างามที่ผู้ที่หลงรักนาฬิกาและเหล่านักสะสมต่างหมายปอง ตัวเรือน ดีไซน์ รวมไปจนถึงวัสดุเลอค่าที่ประกอบขึ้นเป็นนาฬิกาในทุกๆ รุ่น ล้วนสะท้อนบุคลิกอันหรูหรา ไร้กาลเวลา ทำให้นาฬิกาทุกเรือนของ Longines เป็นมากกว่าอุปกรณ์บอกเวลา หากแต่ยังเป็นเครื่องประดับเลอค่าที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์การออกแบบและทัศนคติ ที่งดงามและน่าหลงใหลไม่แพ้ประสิทธิภาพในการบอกเวลาของกลไกล้ำยุคที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์สง่างามดังสโลแกนที่ว่า “Elegance is an attitude”