เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่ H.Moser & Cie. มี ‘Concept’ การออกแบบนาฬิกาแนวคิดใหม่ที่เน้นความเรียบง่ายสไตล์มินิมอล ด้วยหน้าปัดที่ไม่มีทั้งหลักชั่วโมงหรือแม้กระทั่งโลโก้ของแบรนด์ที่มาบดบังงานฝีมือจากสุดยอดช่างนาฬิกาแห่งเมือง Schaffhausen เพื่อให้เจ้าของนาฬิกาได้สัมผัสความสวยงามของหน้าปัด Fume’ ที่วิจิตรบรรจงและตัวเรือนที่มีเส้นสายของความเรียบหรู และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 5 ปี ของการเปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชั่นนี้ ทาง H.Moser & Cie. ได้มีการผลิตนาฬิการุ่นพิเศษออกมาพร้อมกัน 3 รุ่น ในแบบ Limited Edition
Endeavour Tourbillon Concept
ตัวเรือนวัสดุ 5N Red Gold 18K ขนาด 40 x 10.7 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic แบบ In-House Cal.804 ความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง บอกเวลาชั่วโมง-นาที ด้วยเข็มทรงใบไม้ พร้อมฟังก์ชั่น Tiubillon ที่โชว์การหมุนรอบตัวเองของกรง tourbillon ทุกๆ 1 นาที ไว้ที่ด้านหน้าของหน้าปัด Funky Blue Fume มาพร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำตาลและหัวเข็มขัดแบบ Pin Bukcle วัสดุ 5N Red Gold 18K
Ref.1804-0400 ผลิตจำนวนจำกัด 50 เรือน
ราคา 2,483,000 บาท
Endeavour Centre Seconds Concept
ตัวเรือนวัสดุ White Gold 18K ขนาด 40 x 10.7 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic แบบ In-House Cal.HMC200 ความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง บอกเวลาชั่วโมง-นาที ด้วยเข็มทรงใบไม้ พร้อมเข็มวินาที หน้าปัด Funky Blue Fume มาพร้อมสายหนังจระเข้สีเทาและหัวเข็มขัดแบบ Pin Buckle วัสดุ White Gold 18K
Ref.1200-0215 ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือน
ราคา 840,400 บาท
Endeavour Centre Seconds Diamond Concept
ตัวเรือนวัสดุ Stainless Steel ขนาด 38 x 10.3 มิลลิเมตร ขอบหน้าปัดประดับเพชรที่ผ่านการเจียรไนอย่างสวยงามจำนวน 60 เม็ด โดยมีน้ำหนักรวม 1.13 กะรัต ขับเคลื่อนด้วยกลไก Automatic แบบ In-House Cal.HMC200 ความถี่ 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง บอกเวลาชั่วโมง-นาที ด้วยเข็มทรงใบไม้ พร้อมเข็มวินาที หน้าปัด Burgundy Fume มาพร้อมสายหนังจระเข้สีเทาและหัวเข็มขัดแบบ Pin Buckle วัสดุ Stainless Steel
Ref.1200-1208 ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือน
ราคา 607,400 บาท
นาฬิกาทั้ง 3 รุ่น วางจำหน่าย เมษายน 2020
รายละเอียดเพิ่มเติม h-moser.com
Initial Thoughts
นาฬิการุ่นพิเศษนี้ H.Moser & Cie. ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษในแต่ละรุ่นด้วยจำนวนจำกัดมากๆ และจุดเด่นที่นำเอาหลักชั่วโมงและโลโก้แบรนด์ออกไปจากหน้าปัดซึ่งหาได้ยากมากสำหรับแบรนด์นาฬิกาทั่วไป จึงเป็นการสื่อถึงตัวตนของแบรนด์อินดี้ที่มีความเป็นตัวเองของตัวเองและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเสมอมา