Words: Kitja Ruedeekhajorn
Reverso Burgundy รุ่นใหม่ล่าสุดจาก SIHH 2019 เรือนนี้อยู่ในคอลเลคชั่น Reverso Tribute หน้าปัดสี burgundy และสายหนังวัวผิวเรียบสี burgundy จากการตัดเย็บของ Casa Fagliano
หน้าปัดสีแดงใน Reverso มีมาตั้งแต่ยุคต้นกำเนิด คือ 1931 และมีการผลิตซ้ำ re-edition อีกครั้งในปี 2012 ชื่อ Reverso Ultrathin Rouge ผลิตจำนวนจำกัด 500 เรือน ครั้งนี้คือครั้งที่สาม โทนสีแดง และองค์ประกอบต่างๆบนหน้าปัด รวมถึงตัวเรือน แตกต่างจากคราวก่อนชัดเจน
ตัวเรือน stainless steel ขนาด 45.6 X 27.4 mm หนา 8.5mm ขนาดเท่ากับ Reverso Classic Large โดยตัวเรือนสี่เหลี่ยมสามารถพลิกกลับด้านได้อันเป็นเอกลักษณ์และที่มาของชื่อ Reverso ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานแบบ In-House Cal.822/2 ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆ 108 ชิ้น ในความหนาเพียง 2.94 mm เท่านั้น และสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 42 ชั่วโมง พร้อมการกันน้ำลึก 3 bar หรือ 30 เมตร
จุดเด่นด้านการออกแบบที่ทำให้ Reverso Burgundy ดูงดงามสะดุดตาตั้งแต่แรกพบ คือหน้าปัดสีแดง burgundy เป็นโทนสีแดงที่เข้มกว่าและเปลี่ยนโทนสีตามสภาพแสงและการขยับข้อมือ จุดนี้ถือเป็น visual effect ที่มีพลังสะกดสายตาสูงมาก ดูลึกลับ สะดุดตา และเป็นคนละโทนสีกับแดงสดของ Reverso Rouge ซึ่งหน้าปัดเป็นสีแดงเรียบๆตามแนววินเทจ ข้อมูลในบางเพจระบุว่าเป็น sunburst burgundy lacquer dial
เทคนิคการผลิตของเรือนนี้ คือ หน้าปัดโลหะขัดเงา mirror polishing เคลือบด้วยแลคเกอร์โปร่งแสงสีแดงเบอร์กันดี แล้วเคลือบทับด้วยแลกเกอร์ใสหลายชั้น เพื่อให้มีความหนา และความหนาหลายชั้นของแลกเกอร์ใสนี่เอง ทำให้หน้าช่วยหักเหแสง ทำให้โทนสีแดงเปลี่ยนแปลงได้ตามมุมมองและทิศทางแสงตกกระทบ applied silver marker and logo กับ เข็มทรง dauphine สี silver ขัดเงาแบบมีสันกลาง อันเป็นเอกลักษณ์ของ Reverso Tribute เมื่ออยู่บนหน้าปัดโทนเข้ม ทั้งเบอร์กันดี ทำให้เกิด contrast กับพื้นหน้าปัด และการเล่นแสงจาก 2 ด้านของแนวสันกลางเข็มและมาร์กเกอร์ สร้างความรู้สึก เรียบ หรู ตามแนว dress watch
Chemin de fer หรือ railway minute track เส้นรางรถไฟบอกนาทีรอบตัวเรือน ใช้วิธี Transferred printing สีขาว เช่นเดียวกับชื่อแบรนด์ และ ขีดวินาทีบนหน้าปัดย่อย งานพิมพ์ของเรือนนี้ นูนเด่นมีมิติชัดเจน และขอบเส้นคมชัด จึงดูสวยงามมากกว่างานพิมพ์หน้าปัดของรุ่นอื่น แถมยังช่วยสร้างเส้นนำสายตาเป็นกรอบรอบตัวเรือนอีกด้วย
สายจาก Casa Fagliano เป็นสายหนังวัว (calf skin) ย้อมสีแดงเบอร์กันดีเข้ากับสีหน้าปัด ผิวเรียบ นุ่มมาก ใส่กระชับข้อ จุดเด่นของร้านนี้คือ
– ดีไซน์ส่วนหัวสายด้านติดตัวเรือนเป็นลิ้น (flap) ทับซ้อนด้านบน
– ขอบสายด้านข้างเจียรเรียบเนียนสนิท สม่ำเสมอตลอดความยาวสาย และย้อมสีเดียวกับสาย (เรือนที่เคยใส่มาแล้ว 1 ปี ขอบยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิม ขณะที่สายจากร้านทั่วไป ใส่ได้ไประยะหนึ่งมักมีรอยแตกเล็กๆตามแนวโค้งของสาย)
– ฝีมือการเย็บชั้นเลิศ ดูได้จากรูร้อยสาย ซึ่งมีขนาดเล็กใกล้เคียงกับเส้นด้าย ขอบคม ขนาดเท่ากัน และเว้นช่องไฟสม่ำเสมอตลอดความยาวสาย การร้อยด้ายเรียบร้อยเป็นแนวเดียวกันทั้งหมด สายสั่งตัดจากร้านทั่วไปความประณีตมักไม่ครบทุกข้อที่กล่าวมา
สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของสายนาฬิกาแนวเดรส ที่ช่วยเสริมความงามให้กับตัวเรือน หากเป็นแนวสปอร์ตหรือวินเทจ คงไม่ใช่เรื่องจำเป็นนัก
นอกจากนี้ยังขึ้นกับความชอบของแต่ละคนด้วยครับ เพราะรายละเอียดการตัดเย็บคือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สายจากวัสดุเดียวกัน มีราคาแตกต่างกันได้ตั้งแต่ ไม่กี่ร้อยบาท จนถึงสองหมื่นบาท
สรุป
นาฬิกาเรือนนี้มีความโดดเด่นที่สีของหน้าปัด และเมื่อลงลึกในรายละเอียดของงานหน้าปัด ตัวเรือนพลิกกลับได้ที่มีความซับซ้อนของการประกอบชิ้นส่วนมากมาย กลไกอินเฮาส์ที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบความเที่ยงตรงและความทนทานจนสามารถรับประกันคุณภาพได้ยาวนานถึง 8 ปี
โดยทั้งหมดผลิตในโรงงาน JLC เองทุกขั้นตอน และสายนาฬิกาที่ผลิตจากโรงงานผลิตเครื่องหนังระดับโลก จึงถือได้ว่าเป็นสุดยอดนาฬิกาอีกเรือนหนึ่งของปี 2019